Archives 15 ธันวาคม 2020

Jet Ski World Cup and Jet Ski World Series ปล่อยประเภทการแข่งขันแล้ว

Jet Ski World Cup and Jet Ski World Series ปล่อยประเภทการแข่งขันแล้ว

หลังจากมีการปล่อยโปสเตอร์การแข่งขันออกมาอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับการแข่งขันเจ็ตสกีรายการระดับโลกอย่าง Jet Ski World Cup and Jet Ski World Series 2020-2021 ซึ่งเป็น 2 in 1 Super tournaments ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 3-7 มีนาคม 2021 นี้ ล่าสุด เพิ่งมีการประกาศประเภทรายการแข่งขันออกมาอย่างเป็นทางการ โดยเปิดการแข่งขันสำหรับนักเจ็ตสกีทั่วโลกใน 5 ประเภทการแข่งขันที่ไม่จำเป็นต้องต้องได้รับการรับรองจาก National Affiliated Organization ในแต่ละประเทศสามารถส่งตัวแทนเข้ามาได้ไม่เกิน 4 คน แต่หากในกรณีที่จำนวนของผู้เข้าร่วมการแข่งขันมากกว่าที่กำหนดทางผู้จัดงานจะทำการคัดเลือกอีกครั้ง อย่างไรก็ตามสำหรับแชมป์จากรายการการแข่งขัน Jet Ski World Cup Series 2019 และ  Jet Ski World Cup 2019 ในแต่ละประเภทการแข่งขัน จะได้รับสิทธิพิเศษให้สามารถเข้าร่วมการแข่งขันรอบ “moto round” โดยอัตโนมัตินั่นเอง ยกเว้นการแข่งขันรายการ Pro Freestyle และ Pro-Am Endurance

Jet Ski World Cup and Jet Ski World Series ปล่อยประเภทการแข่งขันแล้ว

สำหรับประเภทการแข่งขันทั้งหมดนั้นแบ่งเป็น 21 ประเภทการแข่งขัน ที่เพิ่งจะประกาศออกมาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมานี่เองประกอบด้วย

– Pro Ski Grand Prix – Pro Sport GP

– Pro R/A 1100 Open- Pro R/A GP

– Pro Freestyle- Pro-Am Endurance Open

– Pro-Am Ski Stock – Pro-Am Ski Lites

– Pro-Am Women Ski- Pro-Am Sport GT 1R GP

– Pro-Am Runabout Limited- Pro-Am R/A Superstock

– Expert Veterans R/A Limited- Expert Ski Grand Prix

– Amateur R/A 1100 Stock- Novice Ski Stock

– Novice Runabout Stock- Novice R/A 1100 Stock

– Junior 13-15 Ski Stock

เรียกว่ายิ่งใหญ่สมฐานะสนามการแข่งขันระดับโลกจริง ๆ รับรองว่าสนุกและเต็มอิ่มจริง ๆ เลย สำหรับการแข่งขันในสนามนี้ โดยในรายการแข่ง Pro Ski Grand Prix , Pro Sport GP, Pro R/A 1100 Open, Pro R/A GP และ Pro Freestyle นี้เอง เป็น 5 รายการแข่งขันที่ทางผู้จัดงานเปิดโอกาสให้แต่ละประเทศสามารถส่งตัวแทนได้สูงสุดถึง 4 คนต่อหนึ่งประเภทรายการแข่งขัน และจะใช้ระบบของ “World Cup” ในการตัดสินการแข่งขันแต่อย่างไรก็ตามนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันจำเป็นต้องมีใบอนุญาตการขับขี่เจ็ตสกีอย่างเป็นทางการในแต่ละประเภทการขับขี่นั้นๆทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมการแข่งขันนั่นเอง

ในส่วนของเงินรางวัลนั้นก็ล่อตาล่อใจนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันมากเลยทีเดียวโดยแต่ละประเภทการแข่งขันนั้นก็จะให้เงินรางวัลที่แตกต่างกันออกไปในส่วนของ Jet Ski World Series มีทั้งหมด 6 รายการแข่งขัน เงินรางวัลสูงสุดที่ 30,000 USD หรือประมาณ 900,000 บาท ส่วน Jet Ski world Cup นั้น เงินรางวัลสูงสุกที่ 50,000 USD หรือประมาณ 1,500,000 บาท ซึ่งจะตกเป็นของแชมป์จากรายการการแข่งขันประเภท Pro Ski Grand Prix และ Pro R/A GP นั่นเอง และค่าสมัครเข้าร่วมการแข่งขันก็แตกต่างออกไปตามประเภทการแข่งขันเช่นเดียวกัน โดยราคาที่ถูกที่สุดอยู่ที่ 195 USD คิดเป็นเงินไทยประมาณเกือบ ๆ 600 บาท และแพงที่สุดที่ 525 USD หรือประมาณ 16,000 บาทนั่นเอง และแชมป์ในทุกรายการการแข่งขันนั้นมีถ้วยรางวัลให้ด้วย และสำหรับรายการแข่งขันของ Jet Ski world Cup มีเหรียญรางวัลให้อีกด้วยซึ่งแน่นอนว่าเป็นที่หมายปองของนักกีฬาเจ็ตสกีจากทั่วทุกมุมโลกเป็นอย่างมาก

สำหรับประเทศไทยเองก็ได้มีการคัดเลือกนักกีฬาและเตรียมพร้อมเป็นอย่างมากเพื่อจะส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้โดยได้แชมป์จากทุกประเภทรายการการแข่งขันแล้วเรียบร้อยพร้อมที่จะโชว์ฝีมือการขับเจ็ตสกีแสดงความสามารถของนักกีฬาไทยเจ็ตสกีไทยให้โลกได้เห็นแล้วซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งกีฬาที่น่าสนใจไม่น้อยและนักกีฬาไทยก็เคยคว้าแชมป์ในรายการแข่งขันสนามนี้มาแล้วในปีนี้แฟนๆเจ็ตสกีก็คงต้องร่วมลุ้นและร่วมเป็นกำลังใจให้นักเจ็ตสกีไทยอีกครั้ง

 

# ปิดการแข่งขันลงไปอย่างสวยงามกับ Thailand Powerboat Princess’s Cup 2020

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับการดำน้ำประเภทต่างๆ

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับการดำน้ำประเภทต่างๆ

เชื่อว่าหลายต่อหลายคนที่เที่ยวบนบกจนเห็นกันแบบทะลุปรุโปร่งแล้วก็อยากจะที่ลองลงไปชื่นชมความสวยงามของโลกใต้น้ำกันดูบ้างใช่ไหมละคะ และแน่นอนว่าโลกใต้น้ำนั้นสวยงามและน่าอัศจรรย์ไม่แพ้กับบนบกเลยทีเดียว ซึ่งวันนี้ถ้าใครที่อยากจะเปิดประสบการณ์การดำน้ำเราก็มีเกร็ดความรู้ดีๆเกี่ยวกับการดำน้ำมาฝากกันนะคะ ซึ่งบอกได้เลยว่าหากคุณได้ลองดำน้ำแล้วจะต้องตกหลุมรักโลกใต้น้ำอย่างแน่นอนเลยทีเดียว

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับการดำน้ำประเภทต่างๆ

การดำน้ำ คือ การที่เราดำตัวลอยไปใต้ผิวน้ำเพื่อสำรวจโลกใต้น้ำนั่นเอง ซึ่งการดำน้ำก็ใช้ในหลากหลายช่องทาง เช่นเพื่อการสำรวจทางวิทยาศาสตร์ ทางการทหาร การประมง และปัจจุบันกิจกรรมการดำน้ำก็เป็นกิจกรรมยอดฮิตที่ใช้ในการท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ เพราะด้วยความสวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจในแบบที่เราไม่สามารถหาประสบการณ์ที่แสนวิเศษแบบนี้ได้อย่างบนบก จริงทำให้มีกลุ่นคนจำนวนมากที่หลงไหลในการน้ำดำ ซึ่งการดำน้ำเพื่อการชมความสวยงามของโลกใต้ทะเลนั้นก็มีอยู่ 3 ประเภทด้วยกัน

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับการดำน้ำประเภทต่างๆ

ประเภทของการดำน้ำ

สำหรับการดำน้ำเราจะมีการแบ่งแยกประเภทตามอุปกรณ์ที่ใช้ และเทคนิคในการดำน้ำ ซึ่งทั้ง 3 ประเภทที่เราจะมากล่าวถึงกันในวันนี้ก็มีทั้งความแตกต่างและความคล้ายคลึงกันด้วย ส่วนจะมีแบบไหนบ้างนั้นเรามาดูกันเลยค่ะ

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับการดำน้ำประเภทต่างๆ

1. Snorkeling

การดำน้ำแบบ Snorkeling นี้จะเป็นการดำน้ำที่คุณจะลอยตัวอยู่บนผิวน้ำในลักษณะที่คว่ำน้ำลงในน้ำ ซึ่งก็จะมีอุปกรณ์ที่ช่วยให้คุณสามารถหายใจได้ขณะที่คุณลอยตัวอยู่นั่นก็คือ Mask(หน้ากาก) Snorkel(ท่อหายใจ) ซึ่งคุณสามารถทำการหายใจทางปากผ่านท่อหายใจที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำได้เลย ซึ่งการดำน้ำประเภทนี้จะเหมาะกับการดำน้ำตื้นไม่เกิน 3 เมตร เพราะคุณสามารถมองเห็นพื้นเบื้องล่างมหาสมุทรได้อย่างชัดเจนจากผิวน้ำโดยที่ไม่ต้องดำลงไปด้านล่าง ซึ่งการดำน้ำแบบ Snorkeling นี้ถือว่าสามารถทำได้ง่ายมากๆ เรียกได้ว่าคุณไม่ต้องมีประสบการณ์การดำน้ำมาก่อนก็สามารถทำได้ หรือแม้กระทั่งคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นก็สามารถดำแบบ Snorkeling ได้เช่นเดียวกัน แต่แนะนำว่าให้คุณสวมเสื้อชูชีพด้วยนะคะเพื่อความปลอดภัย

2. Freediving

การดำน้ำแบบ Freediving จะเป็นการดำน้ำที่ใช้อุปกรณ์คล้ายกับการดำแบบ Snorkeling เลย แต่ว่าจะไม่ได้ดำเฉพาะบนผิวน้ำเท่านั้น จะต้องดำลงไปใต้ผิวน้ำด้วย โดยการกลั้นหายใจแล้วมุดตัวลงไปใต้ซึ่งจะใช้เทคนิคที่มากกว่าการดำน้ำแบบ Snorkeling โดยการดำน้ำประเภทนี้คุณจะต้องผ่านการเรียนและการฝึกฝนจนชำนาญเสียก่อน เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายได้ โดยการดำน้ำแบบ Freediving นี้คุณสามารถดำลงไปดูโลกได้น้ำได้ลึกถึง 30 เมตรเลยนะคะ หรือบางคนที่สามารถทำสถิติโลกได้ก็จะอยู่ที่ประมาณ 72 เมตรหรือเกือบ 100 เมตรเลยทีเดียว แต่การที่คุณจะดำได้แบบนี้นั้นจะต้องมีการเรียนรู้และผ่านการฝึกอบรมด้วยนะคะ และบอกเลยว่าถ้าหากคุณสามารถ Freedive ได้ล่ะก็คุณจะว่ายน้ำได้อย่างปลาเลยทีเดียว

3. Scuba

สำหรับรูปแบบการดำน้ำแบบนี้จะเป็นการดำน้ำที่คุณสามารถดำลงไปใต้ผิวน้ำและสามารถหายใจผ่านท่อออกซิเจนได้เลย โดยที่ไม่ต้องคอยขึ้นมาหายใจด้านบนแบบการ Freediving โดยการดำน้ำแบบ Scuba นี้จะทำให้คุณสามารถเห็นโลกใต้ทะเลได้ลึกขึ้น ละเอียดขึ้น และสามารถอยู่ได้นานขึ้น โดยการดำน้ำ 1 Dive นั้นคุณจะสามารถอยู่ใต้น้ำได้นานประมาณ 45-110 นาที เลยทีเดียว ซึ่งก็อยู่ที่ปริมาณออกซิเจนที่คงเหลือของคุณด้วย ส่วนความลึกที่คุณสามารถดำได้นั้นก็จะมีตั้งแต่ระดับ 20 เมตร 30 เมตร 40 เมตร หรืออาจจะลึกมากไปกว่านั้น และแน่นอนว่าการที่คุณจะดำน้ำแบบ Scuba  ได้คุณจะต้องมีการเรียนและฝึกอบรมหลักสูตรด้วยเช่นเดียวกันเพื่อความปลอดภัยนะคะ

 

# 10 ข้อเท็จจริงที่น่าทึ่งเกี่ยวกับ Freediving