สิ่งที่ต้องรู้และวิธีการดูแล Surfskate

สิ่งที่ต้องรู้และวิธีการดูแล Surfskate

สิ่งที่ต้องรู้และวิธีการดูแล Surfskate

ในการเล่นเซิร์ฟสเก็ต ผู้เล่นจะต้องสวมรองเท้าและเหยียบบนบอร์ด ทำให้เกิดคราบสกปรกจากรองเท้าที่เราสวมใส่ขึ้นไป ดังนั้นเราควรจะดูแลทำความสะอาดอยู่สม่ำเสมอ

 

สิ่งที่ต้องรู้และวิธีการดูแล Surfskate

 

  • อุปกรณ์เสริมสำหรับผู้เริ่มต้น

ถ้าหากเรากำลังจะล้มให้ปล่อยร่างกายกลิ้งลงไปตามแรงเหวี่ยงเพราะถ้าล้มทั้งยืนจะทำให้เราบาดเจ็บและเป็นอันตรายต่อเราได้ อุปกรณ์เสริมก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกันเพื่อเป็นตัวช่วยป้องกันเวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน อุปกรณ์เสริมสำหรับการเล่นเซิร์ฟสเก็ต ได้แก่ สนับเข่า สนับมือ สนับศอก หมวกกันน๊อค

  • รองเท้าที่เหมาะสำหรับการรเล่นเซิร์ฟสเก็ต

รองเท้าสำหรับการเล่นเซิร์ฟควรเป็นรองเท้าผ้าใบที่ส้นไม่สูง เพราะถ้าเป็นรองเท้าสำหรับวิ่งหรือออกกำลังกายพื้นส้นรองเท้าจะหนา อาจส่งผลให้เท้าพลิกหรือพลาดได้ดังนั้นเพื่อจะได้ทรงตัวอย่างสมดุลควรเลือกรองเท้าผ้าใบพื้นแบนจะเหมาะสมกว่านั่นเอง

  • ออกกำลังด้วยเซิร์ฟสเก็ตลดได้กี่แคล

เซิร์ฟสเก็ตเป็นอีกหนึ่งกีฬาประเภทเวทเทนนิ่งและคาดิโอ ช่วยให้เลือดลมสูบฉีด เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ และช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ นอกจากนี้การย่อเข่าขณะเล่นยังสามารถช่วยลดอาการปวดข้อเข่าได้ ทั้งยังเป็นการฝึกทรงตัว  เซิร์ฟสเก็ตเป็นกีฬาที่เล่นได้ทุกเพศทุกวัย การเล่นเซิร์ฟสเก็ตเพียง 30 นาทีสามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้ถึง 600 แคล ถือว่าเป็นกีฬาที่สร้างความสุข ความสนุกและคลายเครียดได้ดีเลยทีเดียว

 

 

  • กับ 10 ประโยชน์จากการเล่นเซิร์ฟสเก็ต
  1. เป็นการฝึกความบาลานซ์ช่วยให้เกิดความสมดุลในการทรงตัว
  2. ช่วยเผาผลาญแคลลอรี่และส่งผผลให้ลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี
  3. สร้างกล้ามเนื้อขา และสะโพกให้แข็งแรง
  4. เมื่อเล่นครบ 30 นาที ช่วยให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุขออกมา ทำให้ผู้เล่นรู้สึกผ่อนคลาย ลดความเครียด ลดอาการซึมเศร้า
  5. ช่วยสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายแข็งแรง ลดความเสี่ยงโรคภูมิแพ้ และลดความเสี่ยงการเป็นไข้หวัด
  6. ช่วยให้ระบบเวียนเลือด ปวด หัวใจ ทำงานได้ดีขึ้น
  7. เป็นการฝึกสมาธิ สร้างสติสติ และฝึกเป็นคนคล่องแคล่ว ว่องไว กระตุ้นประสาทการรับรู้ดีขึ้น

 

 

  • วิธีทําความสะอาด Surfskate

การดูแลรักษาและทำความสะอาดบอร์ดสามารถทำได้โดยการใช้ยางกริปเทป (Grip Tape) ซึ่งเป็นเครื่องมือขนาดเล็ก ก้อนเหมือนยางลบ ใช้ถูเพื่อลบรอยรองเท้าบนบอร์ดให้สะอาด หรือใช้ชุดอุปกรณ์ทำความสะอาดบอร์ดโดยเฉพาะที่มีขายในร้านสเกตบอร์ดทั่วไป ซึ่งสบู่ น้ำยา สเปรย์ จะเป็นตัวช่วยเช็ดและล้างทำความสะอาดบอร์ดได้อย่างสะดวก

 

ทุกครั้งก่อนที่เราจะเล่นเซิร์ฟสเก็ต เราจำเป็นจะต้องวอร์มร่างกาย เพื่อให้กล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่นก่อนเล่นเหมือนการออกกำลังกายทั่วไป ที่สำคัญจะต้องศึกษาวิธีและเทคนิคการเล่นอย่างถูกต้องจากผู้มีความรู้และประสบการณ์ นอกจากนี้อุปกรณ์ป้องกันการบาดเจ็บอย่างสนับศอก สนับเข่า หมวก ฯลฯ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการบาดเจ็บหนักที่อาจเกิดขึ้นได้

 

 

สิ่งที่ต้องรู้และวิธีการดูแล Surfskate


 

.

.

กีฬาผาดโผน BMX STREET

กีฬาผาดโผน BMX STREET

กีฬาผาดโผน BMX STREET

จักรยาน BMX อุปกรณ์สร้างเสริมศิลปะการเกรียนได้ถึงกึ๋นในกลุ่มวัยรุ่น กีฬาที่ทำให้พวกเขาได้ออกแบบท่าทางอันผาดโผนลงบนท้องถนนแบบปิด หรือสวนสาธารณะต่างๆ สะกดตาคนผ่านไปผ่านมาจนต้องนั่งชมการแสดงของพวกเขาไปตามๆกัน เพราะเป็นกีฬาที่ใช้ความสามารถเฉพาะตัวมาก เช่นเดียวกับ ก๊วนสเก็ตบอร์ด การฝึกฝนสำคัญมากทุกเย็นเขาจะเข้าทีมของเขาพวกพบปะพูดคุย ฝึกซ้อม และร่วมเล่นไปด้วยกัน ท่ารูดราวบันได (grind) และอุปกรณ์หลักต่างๆที่มีอยู่ตามสถานที่

 

กีฬาผาดโผน BMX STREET

 

โดยไม่ต้องเสียเวลาสร้างขึ้นมาเอง นอกจากนี้ยังมีลีลาอื่นที่นิยมเล่นกันอีก  ยกล้อหน้าและหลัง หมุนแฮนด์ แต่อาจจะต้องระวังความเสียหายของอุปกรณ์ต่างๆ สักนิด เพราะอาจเดือดร้อนได้ ท่าที่นิยมกันเรียกว่า bunny hop หรือ ท่ากระโดด เราเรียกการขี่แบบนี้ว่า BMX STREET เป็นหนึ่งในหลายๆประเภทการขับขี่หลากสไตล์ที่คล้ายๆกันก็จะเป็น BMX PARK แต่ประเภทนี้จะสร้างขึ้นเองโดยใช้พื้นที่เฉพาะสำหรับการแข่งขันการผาดโผน ซึ่งรูปแบบสนามจะเป็นรูปแบบเดียวกับ SKATE PARK ตัวอย่างในภาพด้านล่างที่ผู้เขียนนำมาประกอบ กีฬา BMX STREET นิยมมากที่สุดในวันรุ่นไทย และท่านๆที่ชอบในการขี่ จักรยาน BMX ก็อดที่จะเป็นหนุมานคลุกฝุ่นไม่ได้เมื่อได้ขึ้นควบ แต่ถ้าจะให้ดีมากขึ้นไปอีก ควรจะมีอุปกรณ์ safety กัน ตา มือ หัว ศอก เข่า และที่สำคัญคือหมั่นฝึกฝนให้ชำนาญ ปลอดภัยไว้ก่อนนะครับ สนุกก็จริงแต่ถ้าพลาดก็งานเข้านะครับ

 

 

สิ่งที่แตกต่างกันแบบที่ต้องให้ความสนใจก็คือ ลักษณะเฉพาะของจักรยาน BMX ในประเภทการเล่นนั้นๆ เพราะ จักรยานแบบ STREET ไม่ได้ใช้เล่นท่ายากบนพื้นราบ ช่วงตัวถังของมันจากล้อหน้าถึงล้อหลัง จึงจะยาวกว่า เบาะจะต่ำมากเพื่อลดแรงกระแทก บันไดอลูมิเนียมเพื่อความทนทาน ส่วนมากจะใช้ขอบล้อ 3 ชั้นสามารถรับแรงกระแทกได้ดี ขนาดยาง 1.85 ขึ้นไป แท่งเหยียบคล้ายๆที่เราให้คนนั่งซ้อนท้ายเหยียบ เพื่อใช้เหยียบ ยืน เมื่อเล่นท่าหน้า และรูดราวบันได ประกอบไว้ทั้งล้อหน้าและล้อหลัง อย่าเข้าใจผิดนะครับว่า จักรยานที่เราขี่ไปซื้อขนมในซอยบ้าน จะนำมาเล่นได้ เพราะมันเปราะบางและอันตรายมาก

 

 

กีฬาสำหรับคนชอบความท้าทาย  และสกีล คือ ความเท่ห์ เก่งกาจ อวดสาว อวดเพื่อน อยากทดลองกับคู่แข่งที่เก่งกว่า หากอุปกรณ์คุณพร้อม แต่ใจคุณยังเล็กอยู่ ก็ไม่สามารถถึงฝั่งฝันได้นะครับ แถมยังเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายมาก ขยันฝึกซ้อมจากพื้นฐานค่อยเป็นค่อยไป กับจิตใจที่ไม่ท้อถอย เชื่อว่าคุณจะยืนหนึ่งในวงการแน่นอนครับ

 

 

กีฬาผาดโผน BMX STREET


 

เส้นทางท้าความตาย Yak Attack

เส้นทางท้าความตาย Yak Attack

สำหรับมนุษย์นั้น อะไรที่ยิ่งยากก็เหมือนยิ่งท้าทาย อะไรที่ดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้ก็ยิ่งอยากเอาชนะ และยิ่งในวงการกีฬาที่มีเนื้อหาสำคัญคือการเอาชนะด้วยแล้ว ก็ยิ่งมีการพยายามทำลายสถิติของคู่แข่งกันอยู่ตลอดเวลา แต่สำหรับการแข่งขันจักรยานในรายการ Yak Attack นั้นแค่เข้าเส้นชัยโดยที่ไม่บาดเจ็บหรือเสียชีวิตก็นับว่าชนะแล้วเพราะว่ากันว่าเป็นเส้นทางที่ท้าความตายเป็นอย่างมากก็จริงอยู่ว่าถึงแม้ในการแข่งขันรายการนี้จะยังไม่มีนักปั่นคนใดเสียชีวิตแต่ดูเส้นทางแล้วก็มีโอกาศสูงในอนาคตที่จะเกิดขึ้น

เส้นทางท้าความตาย Yak Attack

การแข่งขันจักรยานรายการ Yak Attack นั้นมีระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 400 กิโลเมตร ต้องปั่นข้ามเทือกเขาหิมาลัย ที่มีความสูงถึง 12,000 เมตร ส่วนจุดสูงที่สุดของนักปั่นที่ไปถึงนั้นอยู่ที่ 5,000 จากระดับน้ำทะเล แถมยังมีอากาศที่หนาวเหน็บเย็นยะเยือกที่มีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 15-30 องศาเซลเซียส แต่ก็มีความปลอดภัยในระดับหนึ่งเพราะมีทีมกู้ภัยคอยบินสำรวจด้วยเฮลิคอปเตอร์ตลอดการแข่งขัน

เนลคอตแทมนักปั่นจักรยานเสือภูเขาชาวอังกฤษที่เคยลงแข่งในรายการนี้มาแล้วและสามารถเข้าเส้นชัยมาแล้วหลายครั้งได้เล่าถึงการแข่งขันจักรยานรายการนี้ว่าร่างกายของนักปั่นนั้นจะต้องพร้อมที่สุดเพราะจะต้องเจอทุกสภาพอากาศที่แสนจะทรมานไม่ว่าจะเป็นอากาศที่หนาวสุดขั้วอากาศร้อนสุดขีด  และสภาพเส้นทางที่แสนจะโหดไม่ว่าจะเป็นการไต่ความสูงขึ้นเขาต้องเจอกับฝุ่นกินหินดินทรายบ่อโคลนแม่น้ำที่ขวางกันธารน้ำแข็งรวมไปถึงสัตว์ป่าหลายอย่างเช่นวัว

ความโหดต่างๆจึงทำให้การแข่งขันรายการนี้จึงถูกยกให้เป็นสนามเสือภูเขาที่ยากที่สุดในโลกเพราะไม่ได้วัดแค่ความแข็งแรงของร่างกายเท่านั้นยังเป็นการพิสูจน์หัวจิตหัวใจไหวพริบประสบการณ์ของนักปั่นมืออาชีพที่ร่วมทำการแข่งขันที่ต้องใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อเอาตัวรอดจากเทือกเขาหิมาลัยให้ได้นั่นเอง

นักปั่นเสื้อภูเขาที่ร่วมการแข่งขัน Yak Attack จะได้รับบททดสอบอันหนักหน่วง จะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เหมือนรายการอื่น เพราะที่นั่นจะเป็นพื้นที่ทุรกันดารห่างไกลความเจริญ มีเพียงอาหารที่เพียงพอสำหรับร่างกายในแต่ละมื้อและสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานเท่านั้น ส่วนที่เหลือนั้นก็จะมีเพียงเส้นทางที่แสนโหดแต่ท้าทาย จักรยานของนักปั่น ความอ่อนล้าที่เกาะกินทุกส่วนของร่างกายที่ค่อย ๆเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆในทุกวัน อาการป่วย และออกซิเจนที่เบาบางลงเมื่อปั่นไปยังที่สูงขึ้น ซึ่งหากใครผ่านการแข่งขันนี้ไปได้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากแล้ว

 

# นักปั่นชาวดัตช์ โดนแบน 9 เดือน หลังเจตนาเบียดคู่แข่งล้ม

เทคนิคการปีนหน้าผาโดยไม่ต้องใช้พลังงานมากมาย

เทคนิคการปีนหน้าผาโดยไม่ต้องใช้พลังงานมากมาย

เชื่อว่าหลายๆคนที่มาปีนเขาอาจจะรู้สึกว่าทำไมการปีนเขานี่มันใช้พลังงานเยอะจังเลย ปีนได้ไม่กี่รอบก็เรื่อยรู้สึกเหนื่อยล้า จนปีนต่อไม่ไหวแล้ว เพราะใช้ทั้งพลังแขน ขา เอวอย่างเต็มที่ วันนี้เราเลยจะมาแนะนำเทคนิคดีๆให้คุณทราบเกี่ยวกับวิธีการปีนหน้าผาจำลองมาฝากกันนะคะว่าปีนยังไงให้ไม่เหนื่อยไม่เมื่อยง่าย เพื่อที่คุณจะได้สามารถเก็บแรงเอาไว้ปีนกันได้ทั้งวันเลยทีเดียว

เทคนิคการปีนหน้าผาโดยไม่ต้องใช้พลังงานมากมาย

การยืดแขนให้ตึง

สำหรับเทคนิคการยึดแขนให้ตึงนั้นจะเป็นการผ่อนแรงการใช้กล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดี เพราะหากคุณยืดแขนจนตึงสุดนั่นหมายว่าส่วนที่รับน้ำหนักของร่างกายคุณจะกลายเป็นกระดูกของคุณไม่ใช่กล้ามเนื้อ เพราะคุณทราบไหมว่าการงอแขนแค่เพียงเล็กน้อยนั้นก็หมายความว่าคุณใช้การเกร็งกล้ามเนื้อและออกแรงกล้ามเนื้อเพื่อที่จะรับน้ำหนักทั้งร่างกายของคุณแล้ว เพราะฉะนั้นจังหวะไหนที่สามารถยืดแขนให้ตรงจนสุดได้ก็ทำเช่นนั้นจะดีกว่านะคะ

เทคนิคการปีนหน้าผาโดยไม่ต้องใช้พลังงานมากมาย

ตำแหน่งของสะโพก

อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้คุณรู้สึกได้ถึงความเหนื่อยเมื่อยล้าเลยก็คือการวางตำแหน่งสะโพกที่ไม่ถูกตรง หากใครที่เพิ่งเริ่มต้นปีนหน้าผาจะสามารถเห็นได้ชัดเลยว่าจะงอลำตัว และให้สะโพกตั้งฉากกับกำแพง นั่นเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องนะคะเพราะกลายที่คุณงอตัวให้สะโพกตั้งฉากกับกำแพงจะทำให้เป็นการเพิ่มน้ำหนักที่มากขึ้นด้วย เป็นผลพวงให้คุณจะต้องใช้กำลังแขน ขา มากขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว เราแนะนำให้คูรวางตำแหน่งสะโพกให้ขนานกับกำแพงไว้จะดีกว่านะคะ

วางสะโพกให้ชิดกำแพง

การที่คุณวางสะโพกของคุณฬห้ชิดกำแพงนั้นนอกจากจะทำให้ไหล่และทั้งตัวของคุณชิดกำแพงได้มากขึ้นแล้วก็ส่งผลให้จังหวะการเอื้อม Holds ข้างบนก็เป็นไปได้ง่ายมากขึ้นด้วยเช่นกัน ทำให้คุณไม่ต้องออกแรงเหวี่ยงตัวเหวี่ยงแข่งขึ้นไป แม้กระทั่งการวางสะโพกชิดกำแพงเอนลำตัวส่วนบนออกมานอกกำแพง เพื่อให้มือที่จับ Hold ได้ยืดจนสุดเพื่อจะพักกล้ามเนื้อแขนก็สามารถทำได้ง่ายขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน

พยายามใช้สายตาตลอดเวลา

การวางแผนการปีนไว้ล่วงหน้านั้นนับได้ว่าเป็นวิธีการที่ชาญฉลาด จงอย่าหยุดใช้สายตา ให้คุณมองขึ้นไปข้างบนตลอดเวลาเพื่อหา Hold ที่จะจับต่อไป เพื่อที่คุณจะได้ทราบตำแหน่งมือและเท้าโดยที่ไม่ต้องมองทีละ Step ซึ่งวิธีนี้จะทำให้คุณสามารถปีนขึ้นไปได้อย่างว่องไวมากยิ่งขึ้น จะได้ลงมาพักได้ไวๆ และไม่ต้องคอยลองผิดลองถูกกับ Holds อื่นๆอีกด้วย

ถ้าอยู่ในตำแหน่งที่สามารถพักได้จงพัก

หากคุณอยู่ใน Position ที่สามารถพักแขน พักขาของคุณได้ก็อย่ารอช้า จงคว้าโอกาสนั้นเอาไว้สะ เพราะว่าการที่เอาแต่ปีนๆอย่างเดียวโดยไม่พักอาจจะทำให้หมดแรงระหว่างทางโดยไม่รู้ตัว ซึ่งการพักนั้นนอกจากคุณจะได้ฟื้นฟูกล้ามเนื้อแล้ว ก็ยังสามารถมองขึ้นไปข้างบนเพื่อวางแผนการปีนระหว่างที่พักได้อีกด้วย

 

# ชายชาวจีนทำลายสถิติข้ามหุบเขาที่มีแม่น้ำที่ลึกที่สุดในโลก

Jet Ski World Cup and Jet Ski World Series ปล่อยประเภทการแข่งขันแล้ว

Jet Ski World Cup and Jet Ski World Series ปล่อยประเภทการแข่งขันแล้ว

หลังจากมีการปล่อยโปสเตอร์การแข่งขันออกมาอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับการแข่งขันเจ็ตสกีรายการระดับโลกอย่าง Jet Ski World Cup and Jet Ski World Series 2020-2021 ซึ่งเป็น 2 in 1 Super tournaments ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 3-7 มีนาคม 2021 นี้ ล่าสุด เพิ่งมีการประกาศประเภทรายการแข่งขันออกมาอย่างเป็นทางการ โดยเปิดการแข่งขันสำหรับนักเจ็ตสกีทั่วโลกใน 5 ประเภทการแข่งขันที่ไม่จำเป็นต้องต้องได้รับการรับรองจาก National Affiliated Organization ในแต่ละประเทศสามารถส่งตัวแทนเข้ามาได้ไม่เกิน 4 คน แต่หากในกรณีที่จำนวนของผู้เข้าร่วมการแข่งขันมากกว่าที่กำหนดทางผู้จัดงานจะทำการคัดเลือกอีกครั้ง อย่างไรก็ตามสำหรับแชมป์จากรายการการแข่งขัน Jet Ski World Cup Series 2019 และ  Jet Ski World Cup 2019 ในแต่ละประเภทการแข่งขัน จะได้รับสิทธิพิเศษให้สามารถเข้าร่วมการแข่งขันรอบ “moto round” โดยอัตโนมัตินั่นเอง ยกเว้นการแข่งขันรายการ Pro Freestyle และ Pro-Am Endurance

Jet Ski World Cup and Jet Ski World Series ปล่อยประเภทการแข่งขันแล้ว

สำหรับประเภทการแข่งขันทั้งหมดนั้นแบ่งเป็น 21 ประเภทการแข่งขัน ที่เพิ่งจะประกาศออกมาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมานี่เองประกอบด้วย

– Pro Ski Grand Prix – Pro Sport GP

– Pro R/A 1100 Open- Pro R/A GP

– Pro Freestyle- Pro-Am Endurance Open

– Pro-Am Ski Stock – Pro-Am Ski Lites

– Pro-Am Women Ski- Pro-Am Sport GT 1R GP

– Pro-Am Runabout Limited- Pro-Am R/A Superstock

– Expert Veterans R/A Limited- Expert Ski Grand Prix

– Amateur R/A 1100 Stock- Novice Ski Stock

– Novice Runabout Stock- Novice R/A 1100 Stock

– Junior 13-15 Ski Stock

เรียกว่ายิ่งใหญ่สมฐานะสนามการแข่งขันระดับโลกจริง ๆ รับรองว่าสนุกและเต็มอิ่มจริง ๆ เลย สำหรับการแข่งขันในสนามนี้ โดยในรายการแข่ง Pro Ski Grand Prix , Pro Sport GP, Pro R/A 1100 Open, Pro R/A GP และ Pro Freestyle นี้เอง เป็น 5 รายการแข่งขันที่ทางผู้จัดงานเปิดโอกาสให้แต่ละประเทศสามารถส่งตัวแทนได้สูงสุดถึง 4 คนต่อหนึ่งประเภทรายการแข่งขัน และจะใช้ระบบของ “World Cup” ในการตัดสินการแข่งขันแต่อย่างไรก็ตามนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันจำเป็นต้องมีใบอนุญาตการขับขี่เจ็ตสกีอย่างเป็นทางการในแต่ละประเภทการขับขี่นั้นๆทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมการแข่งขันนั่นเอง

ในส่วนของเงินรางวัลนั้นก็ล่อตาล่อใจนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันมากเลยทีเดียวโดยแต่ละประเภทการแข่งขันนั้นก็จะให้เงินรางวัลที่แตกต่างกันออกไปในส่วนของ Jet Ski World Series มีทั้งหมด 6 รายการแข่งขัน เงินรางวัลสูงสุดที่ 30,000 USD หรือประมาณ 900,000 บาท ส่วน Jet Ski world Cup นั้น เงินรางวัลสูงสุกที่ 50,000 USD หรือประมาณ 1,500,000 บาท ซึ่งจะตกเป็นของแชมป์จากรายการการแข่งขันประเภท Pro Ski Grand Prix และ Pro R/A GP นั่นเอง และค่าสมัครเข้าร่วมการแข่งขันก็แตกต่างออกไปตามประเภทการแข่งขันเช่นเดียวกัน โดยราคาที่ถูกที่สุดอยู่ที่ 195 USD คิดเป็นเงินไทยประมาณเกือบ ๆ 600 บาท และแพงที่สุดที่ 525 USD หรือประมาณ 16,000 บาทนั่นเอง และแชมป์ในทุกรายการการแข่งขันนั้นมีถ้วยรางวัลให้ด้วย และสำหรับรายการแข่งขันของ Jet Ski world Cup มีเหรียญรางวัลให้อีกด้วยซึ่งแน่นอนว่าเป็นที่หมายปองของนักกีฬาเจ็ตสกีจากทั่วทุกมุมโลกเป็นอย่างมาก

สำหรับประเทศไทยเองก็ได้มีการคัดเลือกนักกีฬาและเตรียมพร้อมเป็นอย่างมากเพื่อจะส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้โดยได้แชมป์จากทุกประเภทรายการการแข่งขันแล้วเรียบร้อยพร้อมที่จะโชว์ฝีมือการขับเจ็ตสกีแสดงความสามารถของนักกีฬาไทยเจ็ตสกีไทยให้โลกได้เห็นแล้วซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งกีฬาที่น่าสนใจไม่น้อยและนักกีฬาไทยก็เคยคว้าแชมป์ในรายการแข่งขันสนามนี้มาแล้วในปีนี้แฟนๆเจ็ตสกีก็คงต้องร่วมลุ้นและร่วมเป็นกำลังใจให้นักเจ็ตสกีไทยอีกครั้ง

 

# ปิดการแข่งขันลงไปอย่างสวยงามกับ Thailand Powerboat Princess’s Cup 2020

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับการดำน้ำประเภทต่างๆ

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับการดำน้ำประเภทต่างๆ

เชื่อว่าหลายต่อหลายคนที่เที่ยวบนบกจนเห็นกันแบบทะลุปรุโปร่งแล้วก็อยากจะที่ลองลงไปชื่นชมความสวยงามของโลกใต้น้ำกันดูบ้างใช่ไหมละคะ และแน่นอนว่าโลกใต้น้ำนั้นสวยงามและน่าอัศจรรย์ไม่แพ้กับบนบกเลยทีเดียว ซึ่งวันนี้ถ้าใครที่อยากจะเปิดประสบการณ์การดำน้ำเราก็มีเกร็ดความรู้ดีๆเกี่ยวกับการดำน้ำมาฝากกันนะคะ ซึ่งบอกได้เลยว่าหากคุณได้ลองดำน้ำแล้วจะต้องตกหลุมรักโลกใต้น้ำอย่างแน่นอนเลยทีเดียว

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับการดำน้ำประเภทต่างๆ

การดำน้ำ คือ การที่เราดำตัวลอยไปใต้ผิวน้ำเพื่อสำรวจโลกใต้น้ำนั่นเอง ซึ่งการดำน้ำก็ใช้ในหลากหลายช่องทาง เช่นเพื่อการสำรวจทางวิทยาศาสตร์ ทางการทหาร การประมง และปัจจุบันกิจกรรมการดำน้ำก็เป็นกิจกรรมยอดฮิตที่ใช้ในการท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ เพราะด้วยความสวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจในแบบที่เราไม่สามารถหาประสบการณ์ที่แสนวิเศษแบบนี้ได้อย่างบนบก จริงทำให้มีกลุ่นคนจำนวนมากที่หลงไหลในการน้ำดำ ซึ่งการดำน้ำเพื่อการชมความสวยงามของโลกใต้ทะเลนั้นก็มีอยู่ 3 ประเภทด้วยกัน

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับการดำน้ำประเภทต่างๆ

ประเภทของการดำน้ำ

สำหรับการดำน้ำเราจะมีการแบ่งแยกประเภทตามอุปกรณ์ที่ใช้ และเทคนิคในการดำน้ำ ซึ่งทั้ง 3 ประเภทที่เราจะมากล่าวถึงกันในวันนี้ก็มีทั้งความแตกต่างและความคล้ายคลึงกันด้วย ส่วนจะมีแบบไหนบ้างนั้นเรามาดูกันเลยค่ะ

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับการดำน้ำประเภทต่างๆ

1. Snorkeling

การดำน้ำแบบ Snorkeling นี้จะเป็นการดำน้ำที่คุณจะลอยตัวอยู่บนผิวน้ำในลักษณะที่คว่ำน้ำลงในน้ำ ซึ่งก็จะมีอุปกรณ์ที่ช่วยให้คุณสามารถหายใจได้ขณะที่คุณลอยตัวอยู่นั่นก็คือ Mask(หน้ากาก) Snorkel(ท่อหายใจ) ซึ่งคุณสามารถทำการหายใจทางปากผ่านท่อหายใจที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำได้เลย ซึ่งการดำน้ำประเภทนี้จะเหมาะกับการดำน้ำตื้นไม่เกิน 3 เมตร เพราะคุณสามารถมองเห็นพื้นเบื้องล่างมหาสมุทรได้อย่างชัดเจนจากผิวน้ำโดยที่ไม่ต้องดำลงไปด้านล่าง ซึ่งการดำน้ำแบบ Snorkeling นี้ถือว่าสามารถทำได้ง่ายมากๆ เรียกได้ว่าคุณไม่ต้องมีประสบการณ์การดำน้ำมาก่อนก็สามารถทำได้ หรือแม้กระทั่งคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นก็สามารถดำแบบ Snorkeling ได้เช่นเดียวกัน แต่แนะนำว่าให้คุณสวมเสื้อชูชีพด้วยนะคะเพื่อความปลอดภัย

2. Freediving

การดำน้ำแบบ Freediving จะเป็นการดำน้ำที่ใช้อุปกรณ์คล้ายกับการดำแบบ Snorkeling เลย แต่ว่าจะไม่ได้ดำเฉพาะบนผิวน้ำเท่านั้น จะต้องดำลงไปใต้ผิวน้ำด้วย โดยการกลั้นหายใจแล้วมุดตัวลงไปใต้ซึ่งจะใช้เทคนิคที่มากกว่าการดำน้ำแบบ Snorkeling โดยการดำน้ำประเภทนี้คุณจะต้องผ่านการเรียนและการฝึกฝนจนชำนาญเสียก่อน เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายได้ โดยการดำน้ำแบบ Freediving นี้คุณสามารถดำลงไปดูโลกได้น้ำได้ลึกถึง 30 เมตรเลยนะคะ หรือบางคนที่สามารถทำสถิติโลกได้ก็จะอยู่ที่ประมาณ 72 เมตรหรือเกือบ 100 เมตรเลยทีเดียว แต่การที่คุณจะดำได้แบบนี้นั้นจะต้องมีการเรียนรู้และผ่านการฝึกอบรมด้วยนะคะ และบอกเลยว่าถ้าหากคุณสามารถ Freedive ได้ล่ะก็คุณจะว่ายน้ำได้อย่างปลาเลยทีเดียว

3. Scuba

สำหรับรูปแบบการดำน้ำแบบนี้จะเป็นการดำน้ำที่คุณสามารถดำลงไปใต้ผิวน้ำและสามารถหายใจผ่านท่อออกซิเจนได้เลย โดยที่ไม่ต้องคอยขึ้นมาหายใจด้านบนแบบการ Freediving โดยการดำน้ำแบบ Scuba นี้จะทำให้คุณสามารถเห็นโลกใต้ทะเลได้ลึกขึ้น ละเอียดขึ้น และสามารถอยู่ได้นานขึ้น โดยการดำน้ำ 1 Dive นั้นคุณจะสามารถอยู่ใต้น้ำได้นานประมาณ 45-110 นาที เลยทีเดียว ซึ่งก็อยู่ที่ปริมาณออกซิเจนที่คงเหลือของคุณด้วย ส่วนความลึกที่คุณสามารถดำได้นั้นก็จะมีตั้งแต่ระดับ 20 เมตร 30 เมตร 40 เมตร หรืออาจจะลึกมากไปกว่านั้น และแน่นอนว่าการที่คุณจะดำน้ำแบบ Scuba  ได้คุณจะต้องมีการเรียนและฝึกอบรมหลักสูตรด้วยเช่นเดียวกันเพื่อความปลอดภัยนะคะ

 

# 10 ข้อเท็จจริงที่น่าทึ่งเกี่ยวกับ Freediving

ประเภทของการแข่งขันรถวิบากที่ควรรู้

ประเภทของการแข่งขันรถวิบากที่ควรรู้

การแข่งขันจักรยานยนต์วิบากนั้น คือกีฬาที่ต้องอยู่บนเบาะมอเตอร์ไซค์เป็นหลัก และต้องที่ไปในเส้นทางที่อุปสรรคเยอะ ( ถึงเรียกว่า วิบาก ฮ่า ) ซึ่งใครที่จะเล่นกีฬาประเภทนี้ต้องมีทักษะในด้านการขับขี่พอสมควร ยิ่งถ้าจะลงแข่งขันด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งต้องมีการฝึกฝนเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ถึงจะสามารถเป็นนักแข่งได้ ส่วนประเภทของการแข่งขันนั้นมีอะไรกันบ้างก็แบ่งได้ดังนี้

ประเภทของการแข่งขันรถวิบากที่ควรรู้

Dakar Rally- บอกได้เลยว่านี่คือการแข่งขันจักรยานยนต์วิบากที่โหดที่สุด นักแข่งรถประเภทนี้นั้นต้องมีความชำนาญ และทักษะ รวมถึงประสบการณ์ที่มาก ต้องมีความพร้อมทั้งกาย และใจรวมไปถึงรถจักรยานยนต์คู่ใจ เพราะนอกจากเส้นทางที่โหดในทะเลทราย นักขี่จะไม่เจอแค่เพียงทรายเท่านั้น เพราะจะมีทั้งฝุ่น หินกรวด หินใหญ่ หน้าผาสูงและต้องขี่กันอย่างยาวนานเป็นอย่างมาก เพราะเส้นทางการแข่งขันนั้นยาวไกลในระดับ 10,000 กิโลเมตรเลย ส่วนมอเตอร์ไซค์วิบากที่จะใช้ทำการแข่งขันนั้น ต้องมีเครื่องยนต์ ถึง 450 CC. ขึ้นไปอีกด้วย

MXGP/MX2- หรือที่เรียกกันว่าการแข่งขันมอเตอร์ไซค์วิบาก แบบโมโตครอส (Motocross) โดยจักรยานยนต์ประเภทนี้จะไม่มีอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นเพื่อให้รถจักรยานยนต์นั้นเบาที่สุด เพราะจะสามารถควบคุมได้ง่าย เมื่อทำการแข่งขัน ฉะนั้นเราจะไม่เห็นอุปกรณ์จำพวก ไฟหน้า ไฟเลี้ยว รวมไปถึงไฟท้ายอีกด้วย โดยการแข่งขันนั้นจะต้องผ่านอุปสรรคทุกรูปแบบที่มีอยู่บนเส้นทางที่เราขี่ตะลุยไป ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางที่ขรุขระ ที่เขาลงเขา ฝ่าโคลนลุยทราย เรียกง่าย ๆ ว่าไม่มีอะไรสามารถจะมาขวางทางไปสู่เส้นชัยได้นั้นเอง

Enduro- การแข่งขันจักรยานยนต์วิบากประเภทเอ็นดูโร่นี้ เป็นการแข่งขันที่ใกล้เคียงกับการแข่งขัน MXGP/MX2 หรือโมโตครอส มากที่สุดก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางที่ต้องบุกป่า ฝ่าเขา บุกตะลุยทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่ว่าจะเป็นภูเขาหรือลำธาร แต่จุดแตกต่างก็คือ เอ็นดูโร่นั้นจะมีเส้นทางการแข่งขันที่ยาวไกลกว่า เครื่องยนต์ต้องปรับให้รอบต่ำกว่าเพื่อที่จะสามารถทำความเร็วได้ อีกทั้งยังมีไฟหน้าไปท้าย เพื่อที่ว่าบางทีอาจต้องแข่งจนถึงมืดเพราะระยะทางที่ไกลนั่นเอง นับว่าการแข่งขันจักรยานยนต์วิบาก ที่สนุกตื่นเต้นอีกประเภทหนึ่ง

Trial Bike-จักรยานยนต์วิบากประเภทนี้ยังไม่ค่อยแพร่หลายในบ้านเรานัก คนที่ขี่จักรยานยนต์ประเภทนี้ก็ยังไม่ค่อยจะเห็นสักเท่าไหร่ น่าจะเป็นจักรยานยนต์วิบากประเภทเดียวที่ไม่อนุญาตให้นั่งขี่ได้ เพราะไม่มีเบาะ (ฮ่า) และอุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับรถที่ไม่จำเป็นก็ต้องถอดออกเพื่อจะทำให้น้ำหนักรถเบาที่สุด ในการแข่งขันจักรยานยนต์วิบากประเภท Trial Bike นั้นบอกเลยว่าเป็นไรที่เสียงชีวิตที่สุดแล้ว ถึงแม้จะไม่ได้แข่งขันกันทางด้านความเร็ว และมีรอบที่สูง แต่การที่ต้องทรงตัวใช้จักรยานยนต์กระโดดไปมาปีนป่ายไปในที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโขดหิน หรือลัดเลาะไปตามหน้าผา นั้นบีบหัวใจทั้งนักแข่งและผู้ชมสุด ๆ เลยทีเดียว

ข้อควรรู้ก่อนดูการแข่งขันจักรยานยนต์

เพราะหลาย ๆ คนสงสัยว่า ทำไมนักแข่งเวลาเข้าโค้งต้องทำท่าแปลก ๆ ไม่เหมือนการเข้าโค้งของมอเตอร์ไซค์ประเภทอื่น ๆโดยการเข้าโค้งของจักรยานยนต์วิบากนั้นจะต้องเหยียดขาออกไปข้างหน้า การเข้าโค้งพร้อมกับเบี่ยงตัวให้อยู่ตรงข้ามกับโค้ง และเหยียดขาออกมาในฝั่งที่เข้าโค้งนั้นเรียกว่าท่า ลีนเอ้าท์ ซึ่งนักแข่งจักรยานยนต์วิบากเท่านั้นที่จะใช้ท่านี้ เพราะเป็นการสร้างความสมดุลให้แก่ร่างกายของนักขับ และจักรยานยนต์ และยังสามารถควบคุมรถได้ง่ายขึ้น และป้องกันรถล้มตอนเข้าโค้งนั่นเอง ไม่ได้เหยียดเอาเท่แต่อย่างใด ( ฮ่า ) ทีนี้หลาย ๆท่านคงดูกีฬาจักรยานยนต์วิบากแบบหายสงสัยกันแล้วใช่ไหมล่ะ

 

# ความเป็นมาของการแข่งขัน Motocross และรูปแบบการแข่งขัน

นักไต่เชือกชาย 2 คนสามารถเดินบนเชือกข้ามน้ำตกวิกตอเรียได้สำเร็จ

นักไต่เชือกชาย 2 คนสามารถเดินบนเชือกข้ามน้ำตกวิกตอเรียได้สำเร็จ

นักไต่เชือกชาย 2 คนสามารถเดินบนเชือกข้ามน้ำตกวิกตอเรียได้สำเร็จ

การไต่เชือกเดิมทีนั้นมักจะเป็นการแสดงกายกรรมที่จัดในพื้นที่ติดที่มีการควบคุมอุณหภูมิไว้ให้พอดีและไม่ได้มีลมรวมไปถึงสภาพอากาศที่จะทำให้การทรงตัวอยู่บนเชือกเส้นเล็กๆ นั้นทำได้ยากมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงความสูงและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ช่วยให้สามารถเดินทรงตัวได้ง่ายขึ้นอาจทำให้มันไม่ได้ลุ้นระทึกมากพอสำหรับนักไต่เชือกในยุคปัจจุบัน ดังนั้นเราจึงมักจะเห็นข่าวนักใส่เชือกในปัจจุบันมักจะไปสร้างสถิติหรือท้าทายตนเองตามตึกสูง บนภูเขา ระหว่างหน้าผา หรือแม้แต่สถานที่เสี่ยงอันตรายอย่างบ่อจระเข้ ซึ่งแต่ละสถานที่นั้นก็จะมีเรื่องของสภาพอากาศที่แตกต่างกันออกไป ทำให้ความยากง่ายของแต่ละสถานที่นั้นไม่เหมือนกัน อย่างเช่นตามตึกสูงภายในเมืองนั้นแม้ว่าจะดูเหมือนไม่ได้มีอะไรยากเย็นนัก แต่ความจริงแล้วด้วยความที่มันเป็นช่องว่างที่มีความสูงมันจึงเป็นช่องที่ลมพัดผ่านมักจะค่อนข้างแรง ซึ่งลมนั้นส่งผลต่อการทรงตัวของนักไต่เชือกโดยตรงเพราะมันจะทำให้พวกเขานั้นเสียสมดุลและการทรงตัว

นักไต่เชือกชาย 2 คนสามารถเดินบนเชือกข้ามน้ำตกวิกตอเรียได้สำเร็จ

เช่นเดียวกับบนภูเขาหรือระหว่างหน้าผาที่ถึงแม้ว่าจะมีระยะทางที่ห่างกันออกไปแต่ก็ยังเป็นช่องลมที่มักจะมีลมพัดผ่านค่อนข้างแรงเช่นเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตามอุปสรรคของสถานที่เหล่านี้ส่วนใหญ่แล้วก็มักจะมีเพียงแค่ลมและอากาศที่อาจจะร้อนเกินไปหรือหนาวเกินไปเท่านั้น แต่จะเป็นอย่างไรหากมีอุปสรรคเพิ่มขึ้นมานั่นก็คือน้ำและความชื้น อุปสรรคดังกล่าวนี้จะเกิดขึ้นหากนักไต่เชือกเลือกที่จะไปเดินบนเชือกในบริเวณที่มีน้ำตก น้ำและความชื้นนั้นนอกจากจะทำให้เสียสมาธิแล้วยังทำให้เชือกรวมไปถึงเท้าของเรานั้นลื่นมากขึ้นอีกด้วย ทำให้การทรงตัวยากขึ้นไปอีก ยังไม่รวมไปถึงเสียงของน้ำตกที่จะทำให้เราไม่มีสมาธิซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเดินบนเชือกเส้นเล็กๆ แต่มีนัดไต่เชือกชาย 2 คนชาวเยอรมนีและชาวออสเตรียที่เลือกจะไปไต่เชือกข้ามน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอย่างน้ำตกวิกตอเรีย และพวกเขาสามารถทำมันได้สำเร็จอีกด้วย

ในการเดินไต่เชือกข้ามน้ำตกวิกตอเรียครั้งนี้ นักไต่เชือกทั้งสองนั้นไม่ได้ใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือในการไต่เชือกแต่อย่างใดไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยในเรื่องของการทรงตัวหรือการสร้างสมดุล อุปกรณ์เดียวที่พวกเขาเลือกใช้นั่นก็คืออุปกรณ์รักษาความปลอดภัยซึ่งเป็นเชือกนิรภัยที่ติดอยู่บนเอวของเขาและบนเชือกที่พวกเขาเดินเท่านั้น โดยน้ำตกแห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณประเทศซิมบับเวและประเทศแซมเบียในแถบชายแดนซึ่งอยู่ในทวีปแอฟริกาใต้ แม้ว่ามันจะยากสุดท้ายแล้วพวกเขาก็สามารถทำได้สำเร็จท่ามกลางบรรดาผู้ชมที่คอยดูการไต่เชือกครั้งนี้อย่างใกล้ชิด โดยนักไต่เชือกทั้งสองคนนั้นมีชื่อว่าพอล ลูคัส วัย 26 ปี ชาวเยอรมนี และรีนฮาร์ด เคล็นดอล วัย 34 ปี ชาวออสเตรีย พวกเขานั้นเป็นคนกลุ่มแรกที่สามารถเดินข้ามน้ำตกวิกตอเรียบนเชือกได้สำเร็จ

อุปสรรคสำคัญในการเดินไต่เชือกในครั้งนี้ของพวกเขานั้นก็คือกระแสลมที่พัดแรงจนประทะร่างกายตลอดเวลาทำให้การทรงตัวและการรักษาสมดุลบนเชือกนั้นสามารถทำได้ยาก ไม่เพียงเท่านั้นยังมีละอองนั้นที่นอกจากจะทำให้เสียสมาธิแล้วยังทำให้เชือกและเท้าของพวกเขานั้นลื่นมากขึ้นอีกด้วย ระยะทางความยาวของเชือกในครั้งนี้อยู่ที่ 91 เมตร ส่วนความสูงวัดจากพื้นดินได้ที่ 100 เมตร แม้ว่าจะเป็นระยะทางที่ไม่ได้ไกลมากนักและความสูงที่ไม่ได้สูงเมื่อเทียบเท่ากับตึกสูงที่นักไต่เชือกมักจะชอบไปท้าทายความสามารถกัน แต่ด้วยความที่อุปสรรคในการเดินครั้งนี้มีค่อนข้างหลากหลายทำให้พวกเขานั้นต้องตกลงมาจากเชือกอยู่หลายครั้งกว่าจะเดินจนถึงจุดหมายปลายเชือกอีกด้านหนึ่งได้สำเร็จ แต่อย่างไรก็ตามพวกเขานั้นก็ใช้เวลาไปเพียงแค่ประมาณ 10 นาทีเท่านั้นก็สามารถเดินได้สำเร็จ หลังจากที่สามารถท้าทายตนเองได้สำเร็จแล้วก็ได้มีการกล่าวถึงการเดินแต่เชือกในครั้งนี้ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นต่างก็บอกว่าละอองน้ำเป็นสิ่งที่ทำให้การเดินครั้งนี้ยากที่สุดเนื่องจากมันพัดปะทะโดนใบหน้าตลอดเวลา แต่อย่างไรก็ตามความสำเร็จในครั้งนี้ให้ความรู้สึกที่วิเศษกับพวกเขาเป็นอย่างมาก

 

# นักไต่เชือกชาวสหรัฐทำลายสถิติโลกในประเทศไทย

เคล็ดไม่ลับจากนักปีนหน้าผามืออาชีพ

เคล็ดไม่ลับจากนักปีนหน้าผามืออาชีพ

สำหรับกีฬาการปีนหน้าผานั้นคุณเชื่อไหมว่า ไม่ใช่แค่ร่างกายที่แข็งแรงเท่านั้นที่จะนำพาคุณไปสู่เป้าหมายที่คุณต้องการแต่และยังมีปัจจัยหลายๆอย่างที่เข้ามารวมกันด้วย อย่างเช่น การมีสภาพจิตใจที่เข้มแข็ง ปราศจากความกลัวและความวิตกวังกล นอกจากนั้นก็ยังมีเกร็ดเคล็ดลับๆเล็กๆน้อยๆ ที่นักปีนหน้าผามืออาชีอยากที่จะส่งต่อสู่นักปีนหน้าผาหน้าใหม่ที่ต้องการจะพัฒนา Performance ในการปีนหน้าผาให้ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีอะไรกันบ้างนั้นเรามาดูกันเลยค่ะ

เคล็ดไม่ลับจากนักปีนหน้าผามืออาชีพ

1. การมีคู่หูในการปีนหน้าผาที่ดี

ถึงคุณจะเป็นคนที่เก่งขนาดไหนคุณก็อาจจะไปไม่ถึงเป้าหมายของคุณหากคุณมี Partner ที่ไม่ได้คอย Support คุณอย่างเต็มที่ ซึ่งคู่หูในการปีนเขาที่ดีนั้นจะต้องรู้จังหวะการปีนของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี รู้จังหวะการเก็บเชือก รู้จังหวะการหล่น พูดง่ายๆคือเป็นผู้ Belay ที่รู้ใจกันนั่นเอง เพียงเท่านั้นยังไม่พอ การพูดให้กำลังใจในระหว่างปีน หรือแม้กระทั่งการคอยแนะนำ next step ในการปีนก็สำคัญไม่น้อยเลยทีเดียวนะคะ

2. สามารถใช้อุปกรณ์ได้อย่างคล่องแคล่ว

การปีนในทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็น Bouldering, Top rope ทุกอย่างนั้นต้องใช้อุปกรณ์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่จะคอยเป็น Safety ให้คุณในขณะปีนหน้าผา หรือเรียกได้ว่า เป็นตัวช่วย และอุปกรณ์ช่วยชีวิตของคุณนั่นเอง และการที่คุณจะสามารถปีนหน้าผาได้ดีได้คล่องแคล่ว การเรียนรู้วิธีการใช้อุปกรณ์ให้ดี รู้จักวิธีการใช้งาน และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า นั่นก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่จะทำให้คุณสามารถปีนหน้าผาได้ดีมากยิ่งขึ้นด้วยเช่นเดียวกันนะคะ

3. เป็นคนช่างสังเกตุ

ใช่แล้วค่ะ การสังเกตุสิ่งรอบๆตัวของคุณเองไม่ว่าจะเป็น Holds ต่างๆที่จะนำพาคุณไปข้างหน้านั้นคุณจะจับ Holds นั้นด้วย Position แบบไหน การวางเท้าแบบไหนที่คุณจะสามารถไปต่อได้ หรือการวางมือในรูปแบบไหนที่คุณจะสามารถดันตัวคุณไปข้างหน้าได้ ถ้ายิ่งคุณปีนแบบ Outdoor แล้วล่ะก็ การสังเกตุยิ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาที่สุดสิ่งหนึ่งเลยทีเดียว

4. พักหายใจ และสลัดแขนขา

หากคุณปีนหน้าผามาได้สักพักแล้วคุณเริ่มรู้สึกเหนื่อยก็อย่าลืมที่จะหาจุดที่ปลอดภัยเพื่อเกาะพักหายใจสักครู่หนึ่งก่อน หรือหากคุณรู้สึกว่าเมื่อยแขน ขามากๆ ก็ปล่อยแขนข้างที่เมื่อยและสลัดแขน ขา เพื่อเป็นการคลายกล้ามเนื้อที่ตึงและเกร็งตลอดเวลาที่ทำการปีน เมื่อคุณพักหายใจจนหายเหนื่อยๆแล้ว ได้คลายกล้ามเนื้อแขน ขา ของคุณแล้วต่อจากนั้นคุณก็สามารถทำการปีนต่อได้สบายๆ หรืออาจจะปีนได้ดีกว่าเดิมด้วยซ้ำนะคะ

5. อย่าลืมทานอาหารและดื่มน้ำรองท้องก่อนปีน

กีฬาการปีนหน้าผาเป็นอีกหนึ่งประเภทกีฬาที่คุณจะต้องใช้พลังงานที่สูงมาก เพราะว่าคุณจะต้องใช้การเคลื่อนไหวในทุกส่วนของร่างกายเลยทีเดียว ซึ่งคนส่วนใหญ่มีความเชื่อที่ผิดว่าห้ามทานอะไรก่อนการปีนหน้าผาเพราะจะทำให้น้ำหนักตัวมากขึ้นแล้วปีนยาก ซึ่งนั่นไม่จริงเลยนะคะ คุณควรทานอาหารมาให้พอดีๆ และจิบน้ำก่อนการปีนเสมอ จะได้ไม่หมดแรงกลางทาง และเกิดอาการขาดน้ำได้

 

# ชายชาวจีนทำลายสถิติข้ามหุบเขาที่มีแม่น้ำที่ลึกที่สุดในโลก

ขับเจ็ทสกียากไหม มือใหม่ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

ขับเจ็ทสกียากไหม มือใหม่ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

เจ็ทสกีเป็นเรือยานยนต์ที่ขับในน้ำถือเป็นกีฬาประเภทหนึ่งที่มีการจัดการแข่งขันในหลายๆสนามทั้งระดับประเทศและระดับโลกนอกจากได้ความสนุกสนานแล้วยังเป็นการออกกำลังวิธีหนึ่งที่สร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อได้แทบจะทุกส่วนเลยถึงแม้ว่าจะดูเหมือนเป็นกีฬาที่เราคงไม่ต้องใช้แรงในการเล่นมากเท่าไหร่แต่ในความเป็นจริงแล้วการควบคุมเจ็ทสกีให้เป็นไปตามที่ใจคิดนั้นค่อนข้างใช้พลังงานและสมาธิมากเลยทีเดียว

ขับเจ็ทสกียากไหม มือใหม่ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

เนื่องจากการเล่นเจ็ทสกีนั้นเป็นกีฬาที่เล่นบนน้ำดังนั้นสำหรับมือใหม่ที่อยากเข้าสู่วงการเจ็ทสกีควรมีพื้นฐานและทักษะการว่ายน้ำที่ดีพอสมควรทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยขณะขับขี่นั่นเองซึ่งสำหรับผู้ที่เพิ่งจะเริ่มหัดเล่นเจ็ตสกีนั้นการเลือกประเภทของเจ็ทสกีที่ขับขี่ก็เป็นสิ่งสำคัญโดยทั่วไปแล้วเจ็ทสกีจะแบ่งประเภทออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ คือ  เรือเจ็ตสกีแบบยืน (SKI), เรือเจ็ตสกีแบบสปอร์ต ซึ่งเป็นเรือผสมระหว่างเรือยืนและเรือนั่ง (SPORT) และสุดท้ายคือเรือเจ็ตสกีแบบนั่ง (RUNABOUT) โดยมือใหม่นั้นควรเลือกเจ็ทสกีที่เป็นแบบนั่งที่มักจะมีการออกแบบมาให้ขับขี่ได้ง่ายกว่ามีการควบคุมเรือที่ง่ายกว่าและยังใช้พลังงานในการควบคุมเรือที่น้อยกว่าสามารถนั่งขับได้สบายๆสามารถขึ้นนั่งบนเบาะและขับออกไปได้เลยและควรเลือกใช้เจ็ทสกีที่มีขนาดเล็กสามารถควบคุมได้ง่ายหรือมีระบบการขับเคลื่อนและระบบเบรกที่ดีด้วยแต่ทั้งนี้ควรจะให้ความระมัดระวังในขณะการเลี้ยวหรือการเข้าโค้งเป็นพิเศษเพราะเป็นจุดที่เสี่ยงต่อการคว่ำได้หากคุณเข้าโค้งผิดวิธีหรือใช้ความเร็วที่ไม่ถูกต้องสำหรับเจ็ทสกีมือใหม่ควรเริ่มฝึกจากการฝึกขับบนน้ำที่มีคลื่นไม่ค่อยเยอะและไม่ควรเป็นบริเวณที่กว้างมากเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง

ยังไม่ควรขับออกนอกทะเลไกลๆและที่สำคัญควรมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลอยู่อย่างใกล้ชิดเพราะถึงแม้ว่าคุณจะมีพื้นฐานในการขับขี่รถจักรยานยนต์มาแล้วก็ตามแต่การขับเจ็ทสกีนั้นค่อนข้างแตกต่างกันอยู่พอสมควรเลยทีเดียวซึ่งในปัจจุบันนี้ก็มีหลายสถาบันที่มีการเปิดสอนในคอร์สการขับขี่เจ็ทสกีเบื้องต้นสำหรับผู้ที่สนใจโดยมีทั้งการสอนทฤษฎีเบื้องต้นและสอนภาคปฏิบัติด้วยและยังมีราคาที่ไม่แพงจนเกินไปขึ้นกับระยะเวลาและประเภทของเรือการขับเจ็ทสกีควรจะสวมใส่เสื้อชูชีพตลอดเวลาเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ขณะเจ็ทสกีโดยเฉพาะมือใหม่ที่ยังไม่คุ้นชินกับการขับขี่

นอกจากนี้การเลือกความเร็วของเครื่องยนต์ของเจ็ทสกีที่ขับขี่ก็สำคัญเช่นเดียวกันควรเลือกประเภทของเครื่องยนต์ให้เหมาะสมไม่ควรเลือกเครื่องที่เร็วและแรงเกินไปเพราะอาจจะเกินการควบคุมได้ซึ่งกีฬาเจ็ตสกีนี้สามารถเริ่มฝึกหัดได้ตั้งแต่อายุยังน้อยแต่ก็ควรได้รับการอนุญาตจากผู้ปกครองก่อนด้วยสิ่งแรกสำหรับการเริ่มต้นเล่นเจ็ทสกีคือการทำความเข้าใจกับกฎกติของการเล่นเจ็ทสกีและทำความเข้าใจกับการทำงานของเรือเจ็ทสกีทั้งในส่วนของแฮนด์จับหรือปุ่มอื่นๆหรือฟังก์ชันอื่นๆในเรือเพื่อให้มีความเข้าใจที่ถูกต้องจะได้ใช้งานได้ถูกวิธี

การเล่นกีฬาเจ็ทสกีจึงเป็นอีกกีฬาหนึ่งที่ทุกวัยสามารถเล่นได้หากได้รับการฝึกฝนที่ถูกต้องและมีการเตรียมตัวที่ดีซึ่งเป็นกีฬาที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้เห็นได้จากการจัดการแข่งขันในหลายๆรายการแข่งขันที่ได้รับการตอบเป็นอย่างดีทั้งจากนักกีฬาและจากผู้ชมนอกจากจะให้ความสนุกสนานเพลิดเพลินแล้วยังทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นอีกด้วย

 

# จบฤดูกาลแล้ว เจ็ตสกี โปรทัวร์ 2020 แต่ความสนุกยังไม่จบ