Archives 2 ธันวาคม 2020

ยางจักรยานยนต์วิบาก แบบไหนที่เหมาะกับตัวคุณ

ยางจักรยานยนต์วิบาก แบบไหนที่เหมาะกับตัวคุณ

ยางจักรยานยนต์วิบาก แบบไหนที่เหมาะกับตัวคุณ

คนที่ชื่นชอบและหลงใหล กีฬาที่ใช้ความเร็ว ไม่ว่าจะเป็นจักรยาน หรือมอเตอร์ไซค์นั้น อุปกรณ์อะไหล่ที่ให้ความสำคัญมากเป็นอันดับต้น ๆ ก็คงจะไม่พ้นล้อยาง เพราะล้อยางที่ดีนั้น มีประโยชน์ต่อการขับขี่อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันอุบัติเหตุได้เพราะเกาะถนนได้ดี หรือบางรุ่นนั้นก็ทำให้รถวิ่งได้ดีขึ้น ลุยฝนได้ดีขี้น เพราะการออกแบบดอกยาง  โดยเฉพาะสายลุยอย่างจักรยานยนต์วิบาก ไม่ว่าจะเป็นโมโตครอส หรือเอ็นดูโร่ ที่ต้องใช้ยางอย่างหนัก เพราะต้องขี่ในเส้นทางทุรกันดาร บุกป่าฝ่าเขา ลงน้ำ ฝ่าโคลน ซึ่งบทความนี้เราจึงจะมาแนะนำยางสำหรับจักรยานยนต์วิบาก อย่าง Honda CRF 250 L, Kawasaki KLX250, Husqvarna FE250  ซึ่งเป็นยาง 4 รุ่น 4 แบบ ที่สามารถใช้งานได้ดี สำหรับรถทรงวิบากที่เน้นขี่ลุยไปทุกเส้นทาง มาดูกันเลยว่ายางแต่ละประเภทเหมาะกับการใช้งานแบบไหนกัน

ยางจักรยานยนต์วิบาก แบบไหนที่เหมาะกับตัวคุณ

ยาง Mitas MC-24

หรือที่หลาย ๆ คนเรียกว่าลายงูเหลือม สำหรับใครที่ใช้รถจักรยานยนต์วิบากประเภทเอ็นดูโร่เป็นพาหนะการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการไปทำงาน หรือเดินทางไปที่ต่าง ๆ หรือออกทริปไกล ๆ ที่ใช้ถนนทางเรียบ (ถนนดำ) และทำความเร็วได้เยี่ยมยอด ยาง Mitas MC-24 ดูจะตอบโจทย์ได้ดีที่สุด โดยการออกแบบสำหรับยางรุ่นนี้นั้น เพื่อวิ่ง ทางเรียบ 80 % ทางกันดาร 20 % ดอกยางที่เหมือนงูเหลือมนั้น สามารถรีดน้ำออกได้เมื่อขี่ลุยฝน หรือถนนเปียก และรีดฝุ่นออกได้พอสมควรเมื่อวิ่งทางวิบากที่ไม่มากนัก

 

ยาง Mitas E-07 & E-07plus

สำหรับยาง Mitas E-07 & E-07plus นั้นเหมาะสำหรับคนที่รักพี่เสียดายน้อง สองจิตสองใจเพราะเป็นยางออกแบบมาให้เหมาะแก่การวิ่งทางเรียบ 50 % วิ่งทางวิบาก 50 % ยางชนิดนี้เหมาะแก่คนที่ใช้รถเอ็นดูโร่เดินทางในชีวิตประจำวัน และพร้อมออกลุยฝุ่นทันทีเมื่อมีเวลาว่างหรือเดินทางไกลก็ใช้ได้เหมือนกัน ส่วนของดอกยางนั้นเป็นรูปแบบของฟันปลา สลับกับร่องบนผิวยาง โดยอายุการใช้งานของยางรุ่นนี้ก็ทนไม่น้อยโดยมีอายุการใช้งานประมาณ 20,000 กิโลเมตร การขับขี่นั้นก็สามารถเกาะถนนได้ดี ทุกสภาพผิว แต่วิ่งทางเรียบอาจจะรีดน้ำฝนได้ไม่ดีเท่า Mitas MC-24 แต่ทางวิบากทำได้ดีกว่าแน่นอน

 

ยาง Mitas C-21 & C-20

สำหรับยาง Mitas C-21 & C-20 เรื่องคุณภาพนั้นหายห่วงเพราะการแข่งขัน ชิงแชมป์โลกอย่างรายการ MXGP ก็เลือกใช้ Mitas C-21 & C-20 ยางรุ่นนี้เหมาะสำหรับนักแข่ง โมโตครอส  ที่มีรถไว้วิ่งลุยฝุ่น เข้าถิ่นธุระกันดาร ไม่ได้มีรถไว้เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน โดยยางชนิดนี้เป็นยางชนิดวิบาก 100 % เกาะถนนวิบากได้ดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นทางดิน ลุยโคลน ทางป่าเขา ทางฝุ่น หรือทราย เข้าโค้งได้หนึบ รับแรงกระแทกได้อย่างแข็งแกร่ง ตัวยางก็มีอายุการใช้งานได้อย่างยาวนานเช่นกัน

 

ยาง Mitas C-19 & EF-07 Superlight

เป็นยางที่ใช้ในการแข่งขัน ซึ่งยาง Mitas C-19 & EF-07 Superlight ถูกเลือกใช้ในการแข่งขัน Cross Country Extreme และ extreme enduro FIM มาแล้วด้วยคุณสมบัติที่มีน้ำหนักที่เบา เกาะเส้นทางวิบากได้ดีเพราะเนื้อยางมีความนิ่มเกาะได้ดีทั้งดิน และพื้นหญ้า โดยถ้าจะให้ดีนั้นควรใช้กับยางหลังรุ่น EF-07 Super light รับรองว่าลุยได้ทุกที่หายห่วงแน่นอน

นี่ก็เป็นยาง 4 แบบที่นำมารีวิวให้ดู เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้จนจบแล้ว ลองถามตัวเองดูว่าคุณเป็นสายลุยแบบไหน แล้วดูยางที่ใช้ในปัจจุบันว่าเข้ากับตัวรถจักรยานยนวิบากของคุณหรือไม่ นั่นก็เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการขับขี่นั่นเอง

 

Kawasaki KLX 230 R

Kawasaki KLX 230 กับ KLX 230 ABS SE

Kawasaki KLX 230 กับ KLX 230 ABS SE

ในวงการ โมโตครอสในบ้านเรานั้นมีรถหลายค่ายมากมายที่ชาวลุยฝุ่นนั้นนิยมใช้กัน ซึ่งแต่ละค่ายก็มีจุดเด่นแตกต่างกันออกไปโดยแต่ละยี่ห้อนั้นก็ต่างพัฒนารถของตัวเองอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อสนองความต้องการของเหล่านักขี่โดยที่ค่ายใหญ่อย่าง Kawasaki ก็ได้พัฒนาโมโตรอส ออกมาอีก 4 รุ่น ที่มีจุดเด่นแตกต่างกันออกไป นั้นก็คือ KLX 230, KLX 230 ABS SE,  KLX 230 R, KLX 300 R โดยทั้ง 4 รุ่นนี้นับว่าเป็นการออกแบบโมเดลใหม่ของ Kawasaki ที่แน่นอนว่ารูปโฉมทั้ง 4 รุ่นนั้นถูกอกถูกใจ สายโดย สายลุยฝุ่นเป็นแน่แท้ โดยทั้งสี่รุ่นนี้ก็ยังแบ่งย่อย ๆ เป็นอีก 2 ประเภท คือรุ่น KLX 230 กับ KLX 230 ABS SE สามารถจดทะเบียนกับขนส่งได้สามารถให้เป็นพาหนะ ใช้บนถนนได้ แต่ส่วนรุ่น ,  KLX 230 R กับ KLX 300 R นั้นไม่สามารถจดทะเบียนกับขนส่งได้ และสามารถใช้ในการแข่งขันในสนามเท่านั้นโดยบทความนี้เราจะมาพูดถึง KLX 230 กับ KLX 230 ABS SE กันก่อนว่าพิเศษยังไงและแตกต่างกันยังไง

Kawasaki KLX 230 กับ KLX 230 ABS SE

KLX 230 กับ KLX 230 ABS SE ทั้งสองรุ่นนี้ผลิตออกมาด้วยมาตรฐานเดียวกันจะแตกต่างกันตรงออปชั่นต่างๆเท่านั้นโดยทั้งสองรุ่นนี้มีความเป็นอเนกประสงค์คือใช้งานได้ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการเดินทางใกล้ไกลไปในที่ต่างๆออกทริปท่องเที่ยวทางลูกรังทางวิบากทางเรียบขี่ในเมืองหรือออกนอกเมืองก็ล้วนทำได้อย่างดีเยี่ยม

ซึ่งรูปโฉมของทั้งสองรุ่นนี้ก็ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมดทั้งเครื่องยนต์ใหม่เฟรมใหม่ในด้านเครื่องยนต์ทั้ง KLX 230 กับ KLX 230 ABS SE นั้น มีความแรงอยู่ระดับ 233 CC .1 สูบ 4 จังหวะ ระบบหัวฉีด ระบบระบายความร้อนนั้นก็ระบายด้วยอากาศ ซึ่งดูเหมือนว่าทาง Kawasaki นั้นจะเน้นให้รถทั้งสองรุ่นนี้ มีความคล่องตัวสูงเลยดูออกมากะทัดรัดและน้ำหนักเบา เหมาะกับการลุยทุกสถานการณ์

ในส่วนของแซสซีนั้นก็สมดุลลงตัวกับเครื่องยนต์เป็นอย่างดีนอกจากจะผลิตจากเหล็กที่รองรับแรงดึงได้ดีอีกด้วยในส่วนของล้อหน้านั้นก็เป็นขนาด 21 นิ้ว ล้อหลัง 18 นิ้วซึ่งเป็นซี่ลวดและขอบเป็นอะลูมิเนียมมาพร้อมกับยางหนามขี่ลุยด้วยความนุ่มสบายด้วยระบบโช๊คเทเลสโคปิคในด้านหน้าและเป็นระบบโช๊คแก๊สในด้านหลัง

ด้านความปลอดภัยนั้นทาง Kawasaki ให้ความสำคัญในระบบไฟไม่น้อยกว่าส่วนอื่นเนื่องจาก ระบบไฟส่องสว่างถือเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ เพราะอย่าลืมว่า KLX 230 กับ KLX 230 ABS SE นั้นสามารถขี่ได้บนท้องถนนและขี่กลางค่ำกลางคืนที่หนทางมืดมิดได้เหมือนรถชนิดอื่นๆนั่นเอง

ตัวเรือนไมล์ก็ดูได้ง่ายเพราะเป็นแบบแอลซีดดีระบบฟูลดิจิตอลซึ่งแสดงผลได้อย่างเที่ยงตรงไม่จะเป็นความเร็ว, รอบ, ระยะทาง, ระดับน้ำมัน, เวลา, ตัวบอกสัญญาณไฟ แต่ข้อเสียก็มีนิดเดียวคือไม่แสดงตำแหน่งเกียร์นั่นเอง

มาถึงตรงนี้หลายคนคงสงสัยว่าแล้ว KLX 230 กับ KLX 230 ABS SE มันแตกต่างกันตรงไหน สิ่งที่แตกต่างกันก็คือระบบเบรกนั่นเอง ถึงแม้ว่าทั้งสองรุ่นนี้จะใช้เบรก คาลิเปอร์หน้าในระบบสองลูกสูบ แต่จานเบรกนั้นมีขนาดที่แตกต่างกัน โดยที่ KLX 230 ใช้จานขนาด 265 mm ส่วน KLX 230 ABS SE ใช้จานขนาด 240 mm และเป็นระบบ ABS ส่วนเบรกหลังนั้นเหมือนก็คือเป็นคาลิเปอร์หนึ่งลูกสูบ และจานขนาด 220 mm

สรุปแล้ว KLX 230 กับ KLX 230 ABS SE นั้นเหมือนกันแทบจะทุกอย่าง มีแตกต่างกันก็เพียงแค่เบรกหน้าเท่านั้น หากใครจะเลือกใช้รุ่นไหนก็แล้วแต่รสนิยมของแต่ละคน แต่รับรองได้ว่าขี่มันทั้งคู่แน่นอน

 

# จักรยานยนต์ทรงรถวิบากมีกี่แบบ