สนามแข่ง MOTOCROSS ที่นักแข่งหลายคนอยากไปสัมผัส

สนามแข่ง MOTOCROSS ที่นักแข่งหลายคนอยากไปสัมผัส

ไม่ว่ากีฬาประเภทไหน สนามแข่งขันนั้นก็ถือเป็นจุดมุ่งหรืออาจเป็นความฝัน เป็นเป้าหมายของ รวมถึงอาจจะเป็นความฝันของนักกีฬาประเภทนั้น ๆ  ที่อยากจะไปลงทำการแข่งขัน อย่างเช่นถ้าเป็นนักวิ่ง ก็ยากไปวิ่งเบอร์ลิน หรือลอนดอนมาราธอนสักครั้ง หรือถ้าเป็นนักปั่นจักรยาน ก็คงอยากไปแข่งขันสนาม ตูร์ เดอ ฟรองซ์ ส่วนสำหรับนักบิดสายลุยฝุ่นอย่างจักรยานยนต์ MOTOCROSS นั้นมีสนามไหนกันบ้างที่เป็นที่สุดสำหรับนักบิดจักรยานยนต์วิบากลองมาดูกัน

สนามแข่ง MOTOCROSS ที่นักแข่งหลายคนอยากไปสัมผัส

สนาม Arenacross

สนามในร่ม Arenacross ถูกออกแบบให้เป็นสนามแข่งที่มีแต่โคลนที่เฉอะแฉะ และสกปรก มีแท่นกระโดดที่สูง 3 ขั้นรวมทั้งสิ่งกีดขวาง และอุปสรรคนานัปการ โดยสนามนี้เริ่มจัดการแข่งขันเมื่อปี 1970 ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งการแข่งขันรายการนี้เป็นเรื่องที่ท้าทาย และสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชมที่อยู่บนอัฒจันทร์ ที่แทบจะเต็มความจุทุกครั้งที่มีการแข่งขัน

 

สนามแข่ง MOTOCROSS ที่นักแข่งหลายคนอยากไปสัมผัส

สนาม Scheveningen beach

สนามนี้เป็นสนามเลียบชายหาด Scheveningen ในประเทศฮอลแลนด์ ซึ่งนอกจากจะเป็นชายหาดที่มักมีนักท่องเที่ยวไปเดิน เล่น อาบแดด และว่ายน้ำแล้ว ชายหาดแห่งนี้ยังเปลี่ยนให้เป็นสนามแข่ง MOTOCROSS ชายหาด ที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งแต่ละรอบนั้นก็เป็นรอบยาว โดยนักบิดที่ทำการแข่งขันมีทั้งมือสมัครเล่น และมืออาชีพ ซึ่งการแข่งขันนั้นในแต่ละปีมีการจัดการแข่งขันหลายครั้งแต่ในบางปีก็มีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ชายหาด Scheveningen ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง Hague เป็นอีกหนึ่งสนามที่นักแข่ง MOTOCROSS ทั้งหลาย อยากไปสัมผัสความมันกันสักครั้ง

 

สนามแข่ง MOTOCROSS ที่นักแข่งหลายคนอยากไปสัมผัส

สนาม Thunder Valley Park

Thunder Valley Park นั้นตั้งอยู่ในเมือง เดนเวอร์ รัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยที่ Thunder Valley Motocross Park เริ่มสร้างเมื่อปี 1999 และเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรายการ AMA Pro Motocross National ในปี 2005 ซึ่งหลังจากนั้นสนามนี้ก็กลายเป็นสนามที่กลายเป็นที่นิยมของเหล่านักบิด MOTOCROSS เป็นที่เรียบร้อยแล้วในช่วงฤดูร้อนของปีจะคลาคล่ำไปด้วยเสียงแผดของมอเตอร์ไซค์วิบากรวมถึงนักบิดและช่างเครื่องเป็นจำนวนมาก

 

สนาม GLEN HELEN สหรัฐอเมริกา

สนามแข่ง MOTOCROSS แห่งนี้นั้น เป็นสนามที่มีจุดเด่นตรงที่เส้นทางนั้นเป็นเส้นทางของหุบเขา Helens ใน แคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีความลาดชันให้โดดกันอย่างเร้าใจ และค่อนข้างที่จะโหดเป็นอย่างมาก สนามนี้จัดการแข่งขันให้กับนักบิดมือใหม่ รวมไปถึงนักบิดมืออาชีพ และยังเป็นสนามที่ใช้จัดการแข่งขันรายการนานาชาติอย่างรายการ Superfast Grand Prix มาแล้ว

 

สนาม ERNEE ประเทศฝรั่งเศส

สนามแห่งนี้จะว่าเป็นสนามที่เก่าแก่ของโลกอีกสนามหนึ่งก็ว่าได้ เพราะเริ่มมีมาตั้งแต่ปี 1972 และยังสามารถจุจำนวนผู้เข้าชมได้ถึงประมาณสี่หมื่นกว่าคน  โดยได้รับหน้าที่จัดรายการแข่งขันใหญ่ ๆ อย่าง Motocross of Nations และรายการ FIM World Motocross events รวมไปถึงยังเป็นสนามสำหรับการชิงแชมป์ของประเทศฝรั่งเศสด้วย

 

สนาม Unadilla

เป็นสนามที่เก่าแก่ที่สุดในอเมริกา ซึ่งตั้งอยู่บริเวณทางเหนือของนิวยอร์ค การออกแบบสนามนั้น มีอุปสรรคให้ฝ่ามากมาย ไม่ว่าจะเป็น ก้อนหินใหญ่ หรือบ่อลึกว่ากันว่าถ้าไม่เตรียมตัวมาดี ๆ แล้วถ้าพลาดมาอาจถึงตายได้

# 4โมโตครอส – เอ็นดูโร่ ที่ที่น่าสนใจ ไปไหนไปกันได้ทุกเส้นทาง

Kawasaki KLX 230 R และ KLX 300

Kawasaki KLX 230 R และ KLX 300

สำหรับจักรยานยนต์โมโตครอสที่มีไว้สำหรับ ออกทริป ไปผจญภัยในเส้นทางวิบาก ถิ่นธุระกันดาร หรือเอาไว้แข่งขันกันในสนามนั้น นักบิดลุยฝุ่นไม่ว่าจะมือสมัครเล่น หรือสายอาชีพนั้นก็มักจะมีรถคู่ใจกันอยู่แล้ว แต่ถ้าใครเป็นมือใหม่หัดลุย หรือถ้าใครกำลังคิดจะเปลี่ยนรถนั้นค่าย Kawasaki นั้นก็น่าจะสนใจไม่น้อยโดยทาง Kawasaki นั้นได้เปิดตัวสองรุ่นสายลุย อย่าง KLX 230 R กับ KLX 300 ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้เหมาะที่จะเป็นคู่ใจในการออกทริป หรือแข่งขันเท่านั้น เพราะไม่สามารถจดทะเบียนกับขนส่งได้ ส่วนรายละเอียดรถนั้นลองมาดูกันเลย

Kawasaki KLX 230 R และ KLX 300

Kawasaki KLX 230 R

เป็นมอเตอร์ไซค์วิบาก ที่ให้มาตรฐานการผลิต และใช้เฟรมเดียวกับ รุ่น KLX 230 กับ KLX 230 ABS S ที่ได้เปิดตัวออกมาพร้อมกัน เป็นเครื่องยนต์ ขนาด 1 สูบ 230 CC โดยตัวรถนั้นถูกออกแบบมาใหม่ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ หรือเครื่องยนต์ ซึ่งเน้นให้ปราดเปรียว กะทัดรัดคล่องตัว และเหมาะกับทางวิบากทุกรูปแบบ โดยเฉพาะทางฝุ่น โดยแซสซี เป็นแบบ perometer ซึ่งทำให้ตัวจักรยานยนต์นั้นมีน้ำหนักเบา ซึ่งตัวรถนั้นถ้าพิจารณาให้ดีจะมีความกระชับกว่า รุ่น KLX 230 กับ KLX 230 ABS S และไม่มีไฟหน้าซึ่งเป็นเอกลักษณ์สำหรับรถวิบากอยู่แล้ว

Kawasaki KLX 230 R และ KLX 300

การรองรับแรงกระแทกนั้นเป็นโช๊คแกน 37 มิลลิเมตรในรูปแบบของเทเลสโคปิค มาพร้อมกับโช๊คเดี่ยวระบบแก๊สที่ปรับได้ ในส่วนเรื่องความปลอดภัยในระบบเบรกนั้นเบรกหน้าเป็นจานเบรก 240 มิลลิเมตร คาลิเปอร์สองลูกสูบ และกระปุกน้ำมันเบรก ทางด้านเบรกหลัง เป็นจานเบรก 220 มิลลิเมตร คาลิเปอร์หนึ่งลูกสูบ สำหรับรายละเอียดส่วนอื่น ๆ ก็มีดังนี้ น้ำหนักรถอยู่ที่ 115 กิโลกรัม ความสูงของรถอยู่ที่ 120 เซนติเมตร ความสูงของเบาะ 92 เซนติเมตร ความยาว 84 เซนติเมตร ระยะช่วงล้อ 136 เซนติเมตร ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 30 เซนติเมตร ความกว้าง 204 เซนติเมตร

 

Kawasaki KLX 300

ถือว่าเป็นมอเตอร์ไซค์วิบากตัวท๊อปของ Kawasaki ก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงที่สวยงามโฉบเฉี่ยวทะมัดทะแมง เครื่องยนต์ที่แรง และช่วงล่างที่หนึบแน่น การบังคับคล่องตัวซึ่งถ้าหากนักบิดได้เห็นคงต้องอยากสัมผัสกันทุกคน

ความงามและดีไซน์ของตัวรถนั้นก็คงเอกลักษณ์ของ KX โดยหน้าตาก็ถอดมาจาก KX 450  ไม่ว่าจะเป็นเบาะตัวถังเฟรมโดยการออกแบบนั้นจะเน้นท่านั่งให้นักบิดบังคับหนีบรถได้อย่างถนัด

เครื่องยนต์นั้นก็มีความแรงในระดับถึง 292 CC เครื่องยนต์หนึ่งสูบ ใช้ของเหลวระบายความร้อน และสามารถปรับแต่งความแรงให้เหมาะกับการใช้งานได้

ระบบรับแรงกระแทกโช๊คหน้านั้นเป็นแกนเทเลสโคปิค 43 มิลลิเมตร โช๊คหลังเป็นโช๊คแก๊ส ที่สามารถปรับแต่งได้เต็มที่ ส่วนในระบบเบรกหน้านั้น เป็นสองลูกสูบคาลิปอร์ มาพร้อมขนาดจาน 270 มิลลิเมตร ส่วนเบรกหลังนั้นเป็นคาลิปอร์หนางลูกสูบ โดยที่จานเบรกนั้นอยู่ที่ 240 มิลลิเมตร ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ นั้น น้ำหนักรวมตัวรถ 128 กิโลกรัม จากพื้นไปถึงใต้ท้องรถ 30.5 เซนติเมตร ความสูงของเบาะ 92.5 เซนติเมตร ความสูงของรถ 125 เซนติเมตร ระยะล้อ 143 เซนติเมตร ความยาว 82.5 เซนติเมตร ความกว้าง 212 เซนติเมตร

ส่วนทางด้านราคานั้นในรุ่น Kawasaki KLX 230 R อยู่ที่ 125,000 บาท และ Kawasaki KLX 300 อยู่ที่ 20,0000บาท หากใครคิดว่าตัวเองเหมาะที่จะใช้รุ่นไหนนั้น ก็พิจารณากันได้ตามใจชอบ แต่ทำสำคัญรถจักรนยานยนต์วิกบากทั้งสองรุ่นนี้ ไม่เหมาะที่จะเอาไว้เป็นพาหนะในการเดินทางหรือใช้ในชีวิตประจำวัน เพราะเป็นรถที่มีไฟหน้า และไม่สามารถจดทะเบียนกับทางขนส่งได้ นั่นอาจจะทำให้ไม่ปลอดภัยเป็นอย่างยิ่งเวลาขับขี่ตอนกลางคืน เหมาะสำหรับใช้ออกทริปผจญภัยกับกลุ่มเพื่อนร่วมก๊วน ในตอนกลางวันจะดีที่สุด

 

# เส้นทางวิบากที่ว่าดีที่สุดในไทย และต่างประเทศ

นักไต่เชือกชาวอเมริกา สร้างสถิติไต่เชือกที่ขึงระหว่างบอลลูนทั้ง 2 ลูก

นักไต่เชือกชาวอเมริกา สร้างสถิติไต่เชือกที่ขึงระหว่างบอลลูนทั้ง 2 ลูก

นักไต่เชือกชาวอเมริกา สร้างสถิติไต่เชือกที่ขึงระหว่างบอลลูนทั้ง 2 ลูก

ปกติแล้วการไต่เชือกข้ามภูเขาหรือข้ามตึกสูงก็สร้างความระทึกมากพออยู่แล้วเนื่องจากความสูงของมันนั้นทำให้กีฬาชนิดนี้เป็นกีฬาที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงและความอันตรายที่อาจจะพลาดชีวิตของเหล่านักไต่เขาได้เลยหากพวกเขาพลาดแม้เพียงนิดเดียวโดยเฉพาะนักไต่เขาบางคนที่ท้าทายความสามารถของตนเองด้วยการไม่ใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือใดๆในการทรงตัวหรือสร้างสมดุลที่จะช่วยให้เดินบนเชือกได้ง่ายยิ่งขึ้นหรือบางคนที่แม้แต่อุปกรณ์เซฟตี้ที่จะช่วยรักษาความปลอดภัยให้แก่ชีวิตและทรัพย์สินของตนเองนั้นยังเลือกที่จะไม่ใช้เลยด้วยซ้ำไปด้วยความที่รูปแบบของกีฬาไต่เชือกนั้นจะค่อนข้างไม่มีอะไรหากคุณเป็นคนที่เต็มไปด้วยประสบการณ์มีความชำนาญเป็นพิเศษสามารถเดินบนเชือกเส้นเล็กๆได้โดยที่ไม่ได้มีความกลัวหรือความประหม่าแต่อย่างใดและยังสามารถทํามันได้ดีมาก

นักไต่เชือกชาวอเมริกา สร้างสถิติไต่เชือกที่ขึงระหว่างบอลลูนทั้ง 2 ลูก

โดยเสมอด้วยมันจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เหล่านักไต่เชือกมักจะแสวงหาความตื่นเต้นและความท้าทายใหม่ๆอยู่เสมอเพื่อเป็นการพัฒนาฝีมือของตนเองและเราต้องไม่ลืมว่าคนที่จะชื่นชอบในการเล่นกีฬาประเภทนี้ต้องเป็นคนที่ชื่นชอบในเรื่องของความท้าทายและความเสี่ยงอันตรายอยู่แล้วมันจึงไม่น่าแปลกใจนักหากเราจะเห็นการท้าทายตนเองที่มีความน่าหวาดเสียวและเป็นอันตรายมากขึ้นทุกทีหากคุณคิดว่าสิ่งที่เคยรับรู้มาเกี่ยวกับการไต่เชือกมันช่างน่าหวาดเสียวจนไม่น่าจะมีอะไรที่จะทำให้อะดรีนาลีนของคุณหลังไปได้มากกว่านี้อีกแล้วอย่างเช่นการเดินบนเชือกเส้นเล็กๆข้ามภูเขาที่สูงกว่า 1,000 เมตร หรือการใส่ส้นสูงไต่เชือก แต่เชือกที่พวกเขากำลังเดินนั้นเป็นเชือกที่ขึงไว้ตึงและค่อนข้างมีความมั่นคงเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่ามันจะไม่ท้าทายพอสำหรับนักสร้างสถิติโลกในการไต่เชือกอย่างนักกีฬาไต่เชือกชาวสหรัฐอเมริกาที่มีชื่อว่าแอนดี้ ลูอิส ชายหนุ่มผู้เคยมาสร้างสถิติในการข้ามระหว่างตึกสูงในประเทศไทยมาก่อนจนกลายเป็นข่าวดังเมื่อปีพ.. 2557 ในครั้งนั้นเขาสามารถสร้างสถิติโลกครั้งใหม่ได้ในประเทศไทยซึ่งเป็นการทำลายสถิติเดิมของตนเองในเรื่องของระยะทาง แต่ในครั้งนี้เขาได้ท้าทายตนเองในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป จะเป็นอย่างไรหากเราต้องเดินอยู่บนเชือกที่หย่อนไม่ได้ถูกขึงให้ตึงจนมีความมั่นคงมากพอที่จะสามารถทรงตัวอยู่ได้

ในครั้งนี้แอนดี้จึงได้เลือกที่จะสร้างสถิติโดยการเดินบนเชือกที่ขึงระหว่างบอลลูน 2 ลูกที่กำลังลอยอยู่กลางท้องฟ้าความสูงเมื่อวัดแล้วจากระดับพื้นดินมีความสูงถึง 4,000 ฟุตเลยทีเดียว แม้ว่าระยะห่างระหว่างมนุษย์ทั้ง 2 ลูกนั้นจะเป็นระยะห่างเพียงแค่ 12 เมตรเท่านั้นแต่มันก็เป็นการท้าทายความสามารถเป็นอย่างมากกับการที่จะต้องรักษาสมดุลและพยายามทรงตัวบนเชื่อที่มีความหย่อนและไม่ตึงแถมยังลอยอยู่เหนือท้องฟ้าอีกด้วย ซึ่งในกรณีนี้หากตกลงมาแม้ว่าจะมีอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยก็จะอันตรายมากกว่าการไต่บนเชือกที่ถูกขึงไว้จนตึงแล้ว ที่สำคัญคือสถานที่ที่บอลลูน 2 ลูกนี้ลอยอยู่บนฟ้านั่นก็คือเป็นพื้นที่ทะเลทรายเนวาด้าใกล้กับเมืองที่ชื่อว่าลาสเวกัส

การลอยอยู่ท่ามกลางอากาศบนพื้นที่ที่เป็นทะเลทรายนั้นนอกจากจะต้องพบเจอกับอากาศที่ร้อนแล้วยังจะต้องพบเจอกับลมที่กรรโชกแรงอีกด้วย ยิ่งเป็นการเพิ่มความยากและความท้าทายให้กับการเดินบนเชือกในครั้งนี้เป็นอย่างมาก หลังจากที่เขาสามารถทำมันได้สำเร็จเขาได้มีการกล่าวว่าเขานั้นรู้สึกมหัศจรรย์เป็นอย่างมากเมื่อได้เดินอยู่บนเชือกที่ลอยอยู่กลางท้องฟ้า มันทำให้เขานั้นได้รู้สึกถึงอิสระภาพและความเสรีได้อย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่ามันจะเป็นความตื่นเต้นในการเสี่ยงชีวิตที่จะเล่นกีฬาชนิดนี้แต่มันก็ได้แปรเปลี่ยนไปเป็นความมุ่งมั่นที่ทำให้เขานั้นสามารถบรรลุเป้าหมายได้มันจึงกลายเป็นกีฬาที่เขารัก การที่เขาออกมาทำสถิติโลกเช่นนี้ทำให้ทั่วทั้งโลกนั้นหันมาสนใจกีฬาการไต่เชือกมากยิ่งขึ้น จนครั้งหนึ่งเขานั้นเคยได้รับเชิญไปแสดงคู่กับการแสดงของมาดอนน่าอีกด้วย ซึ่งมันทำให้เขานั้นมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากและกลายเป็นนักไต่เชือกที่มีแต่คนรู้จักไปทั่วทั้งโลก

 

#ชายชาวจีนทำลายสถิติข้ามหุบเขาที่มีแม่น้ำที่ลึกที่สุดในโลก

การแข่งรถมอเตอร์ครอสในประเทศไทย เป็นมากกว่าการแข่งขันกีฬา

การแข่งรถมอเตอร์ครอสในประเทศไทย เป็นมากกว่าการแข่งขันกีฬา

หลังจากที่วงการโมโตครอสบ้านเราซบเซามาหลายปี จนมาในช่วงประมาณ10ปีที่ผ่านนั้นได้รับความนิยมอีกครั้งและไม่ได้รับความนิยมธรรมดาเป็นการได้รับความนิยมแบบก้าวกระโดดเพราะเราจะสังเกตได้ว่ามีการแข่งขันจักรยานยนต์วิบากอยู่มากมายหลายรายการหลายสนามกระจายอยู่ทั่วประเทศเมื่อเป็นเช่นเช่นนั้นทางประเทศไทยเราเองจึงได้เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโมโตครอสชิ่งแชมป์โลกมากมายหลายรายการและก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างมากสำหรับผู้ที่ชอบในกีฬาจักรยานยนต์วิบากและนักแข่งทั่วโลกซึ่งการจัดการแข่งขันชิงแชมป์โลกในบ้านเรานั้นยังเป็นการช่วยยกระดับฝีมือของนักแข่งโมโตครอชาวไทยไปในตัวอีกด้วย

การแข่งรถมอเตอร์ครอสในประเทศไทย เป็นมากกว่าการแข่งขันกีฬา

ไม่เพียงเท่านั้นยังช่วยทางด้านเศรษฐกิจให้ดีขึ้นโดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวซึ่งมาการกะประมาณเอาไว้ว่าเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวเพราะการแข่งขันโมโตครอสชิงแชมป์โลกนั้นน่าจะสูงถึงมากกว่า 100 บาท ต่อปีกันเลยทีเดียว ซึ่งทางรัฐเมื่อเห็นประโยชน์ของการแข่งขันก็ให้การสนับสนุน และส่งเสริมให้มีการจัดการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง และทำให้ต่างชาติเห็นว่าเรานั้นมีความพร้อมทุกด้าน ไม่ว่าสนามแข่งที่ได้มาตรฐาน และหลากหลาย ทำให้สนามชิงแชมป์โลกในบ้านเราเริ่มเป็นจุดหมายปลายทางของนักแข่งหลาย ๆ ประเทศ

เพื่อแสดงถึงความจริงใจในการจัดการแข่งขัน เราจึงได้เริ่มเนรมิตสนามแข่งขันจักรยานยนต์วิบากขนาดใหญ่ในกรุงเทพ ชื่อว่าสนาม รึคแคร์ ปาร์ค และทุ่มทุนสร้างอย่างจริงจังโดยใช้งบประมาณในการสร้างสูง ถึงกว่าพันล่านบาทบนเนื้อที่กว่า 50 ไร่ กันเลยทีเดียว ซึ่งบริเวณสนามนั้นก็ถือว่าตั้งอยู่บนทำเลที่ดี โดยเดินทางจากสนามบิน ใช้เวลาเพียง10-15 นาทีเท่านั้น โดยสนาม สนามรึคแคร์ ปาร์ค ยังพร้อมที่จะเป็นสนามอเนกประสงค์อีกด้วย โดยพร้อมจัดการแข่งขัน กีฬาประเภทอื่น ที่เหมาะสม เท่านั้นยังไม่พอยังได้มีการสร้างสนามที่ไม่ห่างจากกรุงเทพขึ้นอีก โดยเป็นการสร้างที่จังหวัดสุพรรณบุรี โดยยังเป็นศูนย์ฝึกซ้อมของทีมชาติ และตัวสนามก็จะยังใช้จัดการแข่งขันชิงแชมป์โลกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าผลพลอยได้เรื่องเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวนั้น จะถูกดูดเข้ามาอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

รายการแข่งขันระดับโลกของไทยในช่วงที่ผ่านมา

โดยในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยก็ได้เริ่มจัดการแข่งขันชิงแชมป์โลกไปหลายรายการและประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยมีผู้จัดอย่าง บริษัท IDEMITSU ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันเครื่องเจ้าใหญ่เขามาเป็นผู้สนับสนุนอย่างต่อเนื่อง อยู่ตลอด

โดยในปี 2018 นั้นก็เป็นจัดการแข่งขันรายการ IDEMITSU Thailand Supercross ถือว่าเป็นรายการเปิดตัวเพื่อให้นักแข่งทั่วโลกรู้จักสนามแข่งขันในประเทสไทยโดยทุ่มงบประมาณในการจัด ถึง สองร้อยล้านบาทกันเลย และต่อมา ในปี 2019 ก็จัด IDEMITSU Thailand Supercross 2019 อีกครั้ง โดยคราวนี้ไปจัดการแข่งขันที่จังหวัดระนอง เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยวของจังหวัด ในส่วนผู้สนับสนุนรายอื่น ที่เข้ามาจัดการแข่งขันก็คือ FMSCT ซึ่งได้จัดการแข่งขัน FMSCT Thailand Supercross 2019 ที่จัดการแข่งขันกันที่สนามสนามรึคแคร์ปาร์คที่ได้เสียงตอบรับเป็นอย่างดีทั้งนักแข่งไทยละนักแข่งต่างชาติและก็มีประชาชนเข้าชมการแข่งขันเป็นจำนวนมาก

แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายไม่น้อยที่การแข่งขันจักรยานยนต์วิบากชิงแชมป์โลกในประเทศไทยขาดความต่อเนื่องเพราะสะดุดกับปัญหาวิกฤตโรคระบาดไวรัสโควิด – 19 ทำให้ต้องงดการแข่งขันรายการต่าง ๆ อย่างไม่มีกำหนด เพราะถึงแม้จะจัดได้ ก็เป็นได้ยาก หรือแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ที่นักแข่งชั้นนำแนวหน้าจากทั่วโลกจะเข้ามาทำการแข่งขัน คงต้องรอดูว่าหลังจากนี้ไปจะมีการจัดการแข่งขันได้เมื่อไหร่เท่านั้นเอง

 

# เทคนิคการขี่ motocross

จบฤดูกาลแล้ว เจ็ตสกี โปรทัวร์ 2020 แต่ความสนุกยังไม่จบ

จบฤดูกาลแล้ว เจ็ตสกี โปรทัวร์ 2020 แต่ความสนุกยังไม่จบ

จบฤดูกาลแล้ว เจ็ตสกี โปรทัวร์ 2020 แต่ความสนุกยังไม่จบ

ปิดฉากลงอย่างสวยงามไปแล้วสำหรับการแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทยเพื่อค้นหานักกีฬาตัวแทนเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันระดับโลกของกีฬามอเตอร์สปอร์ตอย่าง เจ็ตสกี โปรทัวร์ 2020 ที่นับว่าเป็นการแข่งขันที่ดุเดือด ได้ใจแฟน ๆ ไปเต็ม ๆ กับการแข่งขันอย่างจุใจทั้ง 4 สนาม โดยเฉพาะในสนามที่ 4 สนามตัดสินการแข่งขัน ปิดฉากการแข่งขันนฤดูกาลนี้ ในวันที่ 27 กันยายน ที่ผ่านมา ณ ท้ายเกาะเลควิว จ.ปทุมธานีซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วไปเป็นอย่างมาก

จบฤดูกาลแล้ว เจ็ตสกี โปรทัวร์ 2020 แต่ความสนุกยังไม่จบ

ถึงแม้ว่าการแข่งขันจะจบลงไปแล้วแต่ภาพแห่งความประทับใจยังคงมีการปล่อยออกมาให้ชมกันอยู่เรื่อยๆทางเว็บไซต์ www.JETSKIPROTOUR.com ซึ่งมีให้ชมครบตั้งแต่สนามแรกยันสนามสุดท้าย ซึ่งการแข่งขันในฤดูกาล 2020 นี้ ได้มีการจัดการแข่งขันทั้งหมด 23 ประเภทด้วยกัน ผลจากการแข่งขันทำให้ประเทศไทยได้ตัวแทนสำหรับสู้ศึกศึกชิงแชมป์โลก อย่างแข่งขันเจ็ตสกีรายการใหญ่ที่สุดของโลกเจ็ตสกี เวิลด์ คัพและเจ็ตสกี เวิลด์ ซีรีส์ 2020-2021″ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 3-7 มีนาคม 2564 ที่กำลังจะมาถึงนี้เอง ซึ่งได้มีการปล่อยโปสเตอร์ออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว ที่ทั้งนักกีฬาและแฟน ๆ ก็ต่างรอคอยและคงรู้สึกตื่นเต้นกับการแข่งขันที่กำลังจะมาถึงเช่นเดียวกัน หนึ่งในความน่าสนใจของโปสเตอร์คือรูปและอันดับของ เพิ่มพล ธีรพัฒน์พาณิชย์ แชมป์จากรายการแข่งขัน เจ็ตสกี โปรทัวร์ 2020 รุ่น PRO-AM RUNABOUT 1100 OPEN ที่ได้ถูกดึงขึ้นไปเผยแพร่ในโปสเตอร์รายการระดับโลกสุดยิ่งใหญ่นี้ด้วยเช่นเดียวกันทำให้เป็นที่น่าติดตามเลยทีเดียวสำหรับรายการแข่งขันระดับโลกนี้

ไม่เพียงเท่านั้นรายชื่อนักกีฬาที่จะเข้าร่วมการแข่งขันในศึกชิงแชมป์โลกมาจากแชมป์ประเทศไทยทั้ง 23 รุ่นที่มีการประกาศอย่างเป็นทางการแล้วเช่นกัน นับว่าเป็นรายการใหญ่ระดับโลกที่น่าติดตามมากที่สุดรายการหนึ่ง นอกจากนี้ยังได้มีการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า หลังจากรายการแข่งขันเจ็ตสกี เวิลด์ คัพและเจ็ตสกี เวิลด์ ซีรีส์ 2020-2021″ แล้ว ยังจะดำเนินการจัดการแข่งขัน เจ็ตสกี โปรทัวร์ 2021 เป็นรายการแข่งขันถัดไปอีกด้วย โดยเบื้องต้น ได้มีการประกาศสนามการแข่งขันแรกในวันที่ 17-18 เมษายน 2564 ต่อด้วยสนามที่ 2 ในวันที่ 22-23 พฤษภาคม 2564 สนามที่ 3 วันที่ 26-27 มิถุนายน 2564 และสนามสุดท้ายวันที่ 7-8 สิงหาคม 2564 ทั้งนักกีฬาและผู้เกี่ยวข้องก็ได้มีการเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันทั้ง 2 รายการอย่างเต็มที่เลยทีเดียวเพื่อเป็นการผลักดันให้กีฬาเจ็ตสกีเป็นที่รู้จักของประชาชนมากขึ้นทั้งยังเป็นการส่งเสริมความสามารถของนักซิ่งไทยให้ปรากฎสู่สายตาชาวโลกมากขึ้นในทุกๆปีอีกด้วย

การแข่งขัน เจ็ตสกี โปรทัวร์ 2020 เป็นอีกรายการการแข่งขันอีกรายการหนึ่งที่สร้างเส้นทางสู่เวทีการแข่งขันระดับโลกให้กับนักซิ่งไทยได้เป็นอย่างดี ด้วยสนามการแข่งขันมาตรฐานระดับโลก รวมไปถึงกฎ กติการในการแข่งขัน และรุ่นในการแข่งขัน ทีมีครบทั้ง 23 รุ่นการแข่งขันจึงถือเป็นเวทีการแสดงความสามารถของนักเจ็ตสกีไทยสนามแรกๆที่จะเปิดเส้นทางสู่การแข่งขันระดับโลกต่อไป

ถึงแม้จะมีการระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 ก็ไม่ได้ทำให้ความเข้มข้นของการแข่งขันลดลงไปเลย ด้วยมาตรการการป้องกันโรคระบาดที่ดีเยี่ยม และความร่วมมือของทั้งนักกีฬา สตาฟ รวมไปถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องท่านอื่น ๆ ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทำให้สามารถขัดการแข่งขันได้ครบทั้ง 4 สนาม สำหรับการแข่งขันทั้งรายการระดับโลกและรายการแข่งขัน เจ็ตสกี โปรทัวร์ 2021 ที่จะจัดขึ้นในครั้งต่อไปจะสร้างสีสันและความสนุกสนานมากเพียงใด ก็คงต้องติดตามกันต่อไป โดยเฉพาะรายการระดับโลกที่ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว แฟน ๆ เจ็ตสกีคงต้องส่งกำลังใจเชียร์นักกีฬาจากไทยทั้ง 23 รุ่นกันเลย

 

ปล่อยโปสเตอร์แล้ว กับ 2IN1 SUPERTOURNAMENT

ชายชาวจีนทำลายสถิติข้ามหุบเขาที่มีแม่น้ำที่ลึกที่สุดในโลก

ชายชาวจีนทำลายสถิติข้ามหุบเขาที่มีแม่น้ำที่ลึกที่สุดในโลก

ชายชาวจีนทำลายสถิติข้ามหุบเขาที่มีแม่น้ำที่ลึกที่สุดในโลก

ปกติแล้วเรามักจะเห็นการไต่เชือกตามการแสดงกายกรรมต่างๆซึ่งการโชว์ไต่เชือกเหล่านั้นส่วนใหญ่แล้วก็มักจะมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดชนิดที่หาคนที่ไต่เชือกตกลงมาก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บหรือได้รับบาดเจ็บน้อยที่สุดเนื่องจากมันเป็นกิจกรรมที่ค่อนข้างท้าทายและอันตรายพอสมควรในประเทศไทยนั้นแทบจะไม่มีคนที่ทำกิจกรรมนี้เลยด้วยซ้ำไปแต่เรามักจะได้เห็นข่าวอยู่เสมอเรื่องการทำลายสถิติของนักไต่เชือกต่างชาติส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นการทำลายสถิติไต่เชือกข้ามตึกสูงของชาติฝั่งตะวันตกซึ่งนิยมกิจกรรมดังกล่าวถึงขั้นที่มีคนทำอาชีพเป็นนักไต่เชือกอย่างจริงจังแต่ในฝั่งของเอเชียนั้นยังไม่ค่อยมีนักไต่เชือกอย่างแพร่หลายมากนัก

ชายชาวจีนทำลายสถิติข้ามหุบเขาที่มีแม่น้ำที่ลึกที่สุดในโลก

แต่ทราบหรือไม่ว่าครั้งหนึ่งในปีพ.. 2559 เคยมีชายชาวจีนคนหนึ่งที่มีชื่อว่า จาง เหลียง ซึ่งในขณะนั้นอายุได้เพียงแค่ 31 ปีเท่านั้น แต่เขานั้นได้ทำให้ทุกคนทั่วทั้งโลกต่างต้องลุ้นระทึกและรู้สึกหวาดเสียวเป็นอย่างยิ่งกับสิ่งที่เขาทำ หากคุณเป็นคนที่เบื่อแล้วกับการได้ยินข่าวไต่เชือกข้ามตึกสูง ชายคนนี้จะนำเสนอการไต่เชือกที่ลุ้นระทึกกว่านั้นมากเพราะสิ่งที่เขาไต่ข้ามนั่นก็คือหุบเขา เบื้องล่างนั้นไม่ได้เป็นพื้นหรือขนหินแต่มันเป็นแม่น้ำที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่น้ำที่ลึกที่สุดในโลกและมีกระแสน้ำเชี่ยวกราด หากตกลงไปแล้วไม่ต้องพิสูจน์เลยว่าเขาจะยังคงมีชีวิตรอดอยู่หรือไม่ ไม่เพียงเท่านั้นเชื่อกที่เขาไต่ก็มีขนาดเพียงแค่ 2.5 เซ็นติเมตรเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงการเดินบนเชือกบนแม่น้ำที่ลึกที่สุดในโลก เพียงแค่เราเอาเชือกที่มีขนาดเดียวกันวางไว้บนพื้นและพยายามเดินให้ไม่ตกก็นับว่าเป็นเรื่องยากที่จะทำได้สำเร็จแล้ว แต่เขานั้นสามารถเดินบนเชือกขนาดเพียงไม่กี่เซ็นติเมตรนี้แล้วข้ามระหว่างหุบเขาที่มีแม่น้ำกั้นขวางได้สำเร็จ ที่สำคัญคืออุปกรณ์ช่วยเหลือชีวิตเพียงสิ่งเดียวที่เขามีนั่นก็คือสายรัดเอวเป็นเชือกสลิงเส้นเล็กๆ เท่านั้นที่คล้องระหว่างข้อเท้าของเขาและเชือกเส้นเล็ก ไม่เพียงเท่านั้นในการไต่เชือกครั้งนี้ยังไม่มีการใช้อุปกรณ์ช่วยใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้ความสมดุลอย่างที่เรามักจะเห็นกันนั่นก็คือไม้คานหรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่ช่วยให้สามารถไต่เชือกได้ง่ายมากขึ้น เรียกได้ว่าการไต่เชือกครั้งนี้ใช้เพียงความสามารถล้วนๆ ก็ว่าได้

ช่องแคบระหว่างหุบเขาที่เขาไต่เชือกข้ามผ่านนั้นเรียกกันว่าช่องเขาเสือกระโจนเป็นช่องเขาที่ตั้งอยู่ในประเทศจีนเบื้องล่างนั้นเป็นแม่น้ำที่มีกระแสน้ำเชี่ยวตราดตลอดเวลาและความลึกนั้นยังเป็นความลึกที่มากที่สุดในโลกอีกด้วยโดยแม่น้ำสายนี้เป็นแม่น้ำสายเดียวกับแม่น้ำแยงซีเกียงที่ไหลผ่านหุบเขาในเมืองลี่เจียงมณฑลยูนนานประเทศจีนโดยระยะทางในการไต่เชือกข้ามช่องเขาในครั้งนี้อยู่ที่ประมาณ 60 เมตร ถึงแม้ว่าจะเป็นระยะที่ไม่ได้ไกลมากนักแต่มันก็เป็นระยะทางที่สามารถทำลายสถิติการไต่เชือกที่ยาวที่สุดในประเทศจีนได้สำเร็จ ไม่เพียงเท่านั้นเขายังใช้เวลาเพียงแค่ 6 นาทีในการไต่เชือกครั้งนี้ ด้วยระยะทาง 60 เมตรแล้วปกติหากเราเดินเล่นการก็ใช้เวลาหลายนาทีอยู่แล้ว

แต่นี่เป็นการเดินไต่เขาแต่เขานั้นสามารถทำเวลาไปได้เพียงแค่ 6 นาทีเท่านั้นนับว่าเขานั้นเป็นนักไต่เชือกที่มีฝีมือเป็นอย่างมากอีกคนหนึ่งที่อยู่ในประเทศจีนไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถทำเวลาได้ดีถึงขนาดนี้และคงไม่มีความกล้ามากพอที่จะทำสถิติดังกล่าวได้อย่างแน่นอนเพราะมันไม่ได้เพียงค่าทำลายสถิติการไต่เชือกที่ยาวที่สุดเท่านั้นแต่มันยังเป็นการไต่เชือกที่อันตรายที่สุดอีกด้วย ที่มาของชื่อช่องเขาเสือกระโจนนั้นมาจากตำนานที่เล่าต่อๆกันมาว่าในอดีตเคยมีเสือตัวหนึ่งได้พยายามหลบหนีการไล่ล่าของนายพรานเมื่อมาถึงหน้าผามันก็ได้กระโดดข้ามแม่น้ำที่เชี่ยวกราดในจุดที่แคบที่สุดตั้งแต่นั้นช่องของนี้ก็จึงได้ชื่อเรียกว่าเป็นช่องเขาเสือกระโจนมาตั้งแต่นั้น

 

# นักไต่เชือกชาวสหรัฐทำลายสถิติโลกในประเทศไทย