Archives ธันวาคม 2020

5 เทคนิคดีๆที่จะทำให้คุณสามารถปีนหน้าผาได้ดีขึ้น

5 เทคนิคดีๆที่จะทำให้คุณสามารถปีนหน้าผาได้ดีขึ้น

สำหรับวันนี้เราจะมาแนะนำเทคนิคดีๆ ที่คุณสามารถนำมาใช้เพื่อปรับเปลี่ยนความคิด และร่างกายของคุณเพื่อให้มีศักยภาพที่พร้อมแก่การปีนหน้าผาได้ดีมากยิ่งขึ้น และสามารถเอาชนะใจของคุณเองได้ แล้วเจ้า 8 เทคนิคที่ว่านี้จะมีอะไรกันบ้างเรามาดูกันเลยค่ะ

5 เทคนิคดีๆที่จะทำให้คุณสามารถปีนหน้าผาได้ดีขึ้น

  1. เอาชนะความกลัวที่จะตกลงมา

แน่นอนว่ากีฬาการปีนหน้าผานั้น ทุกก้าว ทุกการเคลื่อนไหวอาจจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว ซึ่งหนึ่งในอุปสรรคของคนที่อยากจะเริ่มต้นเล่นกีฬาการปีนหน้าผานั่นก็คือ การกลัวตกจากที่สูงนั่นเอง และแน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่คุณจะต้องทำก่อนอื่นเลยนั่นก็คือการเอาชนะความกลัวที่คุณจะต้องตกลงมาจากที่สูงนั่นเอง ซึ่งหลักง่ายๆที่คุณจะสามารถเอาชนะความกลัวเหล่านั้นได้ก็คือ การมีความเชื่อมั่นในอุปกรณ์ Safety ของคุณเอง ว่าตราบใดที่คุณยังมีอุปกรณ์ Safety ที่มีสภาพพร้อมใช้งาน และใช้อย่าถูกวิธีแล้ว คุณจะไม่ได้รับอันตรายอย่างแน่นอน

  1. การเคลื่อนไหวสะโพกได้อย่างอิสระ

เชื่อเลยว่าคนส่วนใหญ่เมื่อพูดถึงกีฬาการปีนหน้าผาจำลองก็จะต้องคิดถึงความแข็งแรงให้การใช้กล้ามเนื้อแขนและขาอย่างแน่นอน แต่คุณรู้ไหมว่าอีกสิ่งหนึ่งที่จะทำให้คุณสามารถปีนหน้าผาได้ดีมากยิ่งขึ้นนั่นก็คือการที่คุณสามารถเคลื่อนไหวสะโพกได้อย่างอิสระ เพราะบ่อยครั้งการปีนหน้าผานั้นจะต้องมีการเอื้อมกระโดด และการเหวี่ยงสะโพกเข้ามาช่วยด้วย

5 เทคนิคดีๆที่จะทำให้คุณสามารถปีนหน้าผาได้ดีขึ้น

  1. ตั้งเป้าหมายแล้วไปให้ถึง

เราเชื่อว่าหากคุณมีการตั้งเป้าหมายเอาไว้เป็นอย่าดีแล้ว ไม่มีอะไรที่คุณทำไม่ได้อย่างแน่นอน อย่างเช่นวันนี้คุณมาปีนหน้าผาจำลองคุณสามารถตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าจะปีน Route นี้ให้ได้สำเร็จ และเราเชื่อว่าคุณจะสามารถทำได้อย่างแน่นอน หากมีเป้าหมายแล้วก็แค่พาร่างกายและจิตใจของคุณไปถึงฝั่งให้ได้เท่านั้นเอง

  1. รู้ขีดจำกัดของตัวคุณเอง

การที่คุณรู้จัดขีดจำกัดของตัวคุณเองนี่ก็นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญ เพื่อที่คุณจะได้รู้ว่าคุณสามารถทำอะไรได้มากขนาดไหน คุณสามารถไปต่อได้หรือไม่ หรือว่าคุณควรที่จะหยุด ส่วนใหญ่เลยผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นในการปีนหน้าผาจำลองจะตั้งมาตรฐานความสามารถของตัวเองเอาไว้ต่ำเกินไปโดยเอาความกลัวมากดทับเอาไว้ แต่เชื่อเถอะว่าหากปราศจากความกลัวและความกังวลต่างๆ คุณจะสามารถทำได้ดีอย่างแน่นอน แต่หากคุณตั้งระดับความสามารถของคุณเอาไว้สูงจนเกินไปนั่นก็ไม่ดีอีกเช่นเดียวกัน เพราะอาจจะได้รับบาดเจ็บและเกิดอันตรายได้เช่นเดียวกัน

5 เทคนิคดีๆที่จะทำให้คุณสามารถปีนหน้าผาได้ดีขึ้น

  1. มีคู่หูที่ดี

คุณเชื่อไหมว่าการมีคู่หู หรือ Buddy ในการปีนหน้าผาที่ดีนั้นมีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะนอกจาก Buddy จะเป็นคนที่คอยช่วย Belay ให้เรา คอยเซฟเราเมื่อเราเกิดพลาดตกลงมาแล้ว Buddy ก็ยังเป็นอีกหนึ่งคนที่คอยให้กำลังใจคุณ ให้ไปจนสุดทางให้ได้ หรืแม้กระทั่งคอยแนะนำ Step ต่อไปในการเคลื่อนไหวให้คุณได้อีกด้วยนะคะ

#

สุดระทึก ชายหนุ่มชาวอลาสก้าไต่เชือกข้ามบ่อจระเข้ที่กำลังหิวโหย

สุดระทึก ชายหนุ่มชาวอลาสก้าไต่เชือกข้ามบ่อจระเข้ที่กำลังหิวโหย

เดิมทีนั้นการไต่เชือกเป็นการเล่นกายกรรมชนิดหนึ่ง ในสมัยก่อนเราอาจจะพบเห็นได้ตามคณะละครสัตว์หรือคณะกายกรรม ภาพติดตาของคนหมู่มากสำหรับนักเตะเชือกนั้นก็คือเป็นคนที่สามารถเดินทรงตัวอยู่บนเชือกเส้นเล็กๆ ได้ราวกับใช้เวทมนตร์ ส่วนใหญ่แล้วคนเหล่านี้มักจะใช้ไม้ที่มีความยาวเป็นตัวช่วยปรับสมดุลให้กับร่างกายทำให้สามารถเดินบนเชือกได้ง่ายมากยิ่งขึ้น แต่ในยุคปัจจุบันนั้นคณะกายกรรมหรือคณะละครสัตว์แทบจะสูญหายไปจากโลกใบนี้แล้ว แต่หนึ่งสิ่งที่ไม่เคยหายไปนั่นก็คือการไต่เชือกซึ่งได้มีวิวัฒนาการไปตามยุคสมัย โดยในสมัยนี้ผู้คนหันมาไต่เชือกโดยมองว่าเป็นกิจกรรม Adventure ที่สุดแสนจะท้าทายและอันตราย รูปแบบและวิธีการจึงมีความแตกต่างออกไป สิ่งที่เรามักจะไม่ค่อยได้เห็นกันอีกแล้วในการไต่เชือกในยุคปัจจุบันนั่นก็คือไม้ที่ใช้ในการช่วยปรับสมดุลในการทรงตัว และสถานที่ที่นักไต่เชือกมักจะไปทำสถิติหรือสร้างความน่าหวาดเสียวก็มักจะเป็นตามตึกสูงหรือในสถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตราย ไม่ว่าจะเป็นระหว่างหุบเขา ไต่เชือกข้ามแม่น้ำ หรือแม้แต่บ่อจระเข้ที่กำลังหิวโหย เช่นชายหนุ่มชาวอลาสก้าคนนี้ที่มีชื่อว่า จอร์จ โบดอน

สุดระทึก ชายหนุ่มชาวอลาสก้าไต่เชือกข้ามบ่อจระเข้ที่กำลังหิวโหย

โดยเขานั้นได้ทำการไต่เชือกข้ามบ่อน้ำที่เต็มไปด้วยฝูงจระเข้เมื่อปีพ.ศ. 2558 ในขณะนั้นเขามีอายุเพียงแค่ 33 ปีเท่านั้น โดยในการไต่เชือกครั้งนี้ไม่ได้มีการใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือที่ทำให้สามารถทรงตัวได้ง่ายมากยิ่งขึ้นหรือแม้แต่อุปกรณ์รักษาความปลอดภัย ดังนั้นมันจึงเป็นการเดินไต่เชือกที่มีความอันตรายเป็นอย่างมาก แม้ว่าระดับความสูงของการไต่เชือกในครั้งนี้จะไม่ได้สูงเทียบเท่ากับการไต่เชือกของคนอื่นๆ แต่มันก็มีอันตรายที่ไม่แพ้กันเลยทีเดียว หากตกลงไปไม่พอการก็อาจจะเสียชีวิตได้เช่นเดียวกัน

โดยมีการไต่เชือกครั้งนี้ จอร์จเลือกที่จะไต่ข้ามบ่อจระเข้ที่เต็มไปด้วยจระเข้ที่กำลังหิวโหยมากกว่า 10 ตัว โดยเขาได้มีการกล่าวในภายหลังไว้ว่าวินาทีที่กำลังเดินอยู่บนเชือกเส้นเล็กๆ ซึ่งข้างล่างเต็มไปด้วยจระเข้นั้นมันไม่ต่างอะไรกับวงปีศาจที่กำลังจับจ้องเขาอยู่ จะบอกว่ามันเป็นการเดินข้ามผ่านความเป็นความตายของเขาเลยก็ว่าได้ เพราะหากเขาทำพลาดขึ้นมาด้วยความสูงของเชือกที่ไม่มากนักรวมถึงไม่ได้มีอุปกรณ์ในการป้องกันและรักษาความปลอดภัยเขาจะกลายเป็นอาหารจระเข้ในทันที แต่ด้วยความชำนาญและความสามารถของเขาทำให้เขานั้นสามารถเดินบนเชือกที่มีขนาดไม่เกิน 2 นิ้วข้ามผ่านบึงจระเข้ได้สำเร็จ ซึ่งบึงจระเข้แห่งนั้นตั้งอยู่ในรัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา

สุดระทึก ชายหนุ่มชาวอลาสก้าไต่เชือกข้ามบ่อจระเข้ที่กำลังหิวโหย2

โดยปกติแล้วเรามักจะเห็นกันว่านักไต่เชือกมักจะเลือกที่จะไม่ใส่รองเท้าเพื่อให้สะดวกในการเดินบนเชือกมากยิ่งขึ้นและช่วยเพิ่มความสามารถในการทรงตัวได้ดียิ่งขึ้น แต่ในครั้งนี้จอร์จเลือกที่จะใส่รองเท้าผ้าใบในการเดินไต่เชือกแทน ซึ่งหากมองในมุมของคนอื่นๆ แล้วอาจจะมองว่ามันจะยิ่งเพิ่มความยากมากยิ่งขึ้น แต่ไม่แน่ว่ามันอาจจะเป็นวิธีการที่เขาถนัดก็เป็นได้จึงทำให้เขาสามารถทำมันได้สำเร็จ ซึ่งในระหว่างที่เขากำลังเดินไปเชือกอยู่นั้นเขาก็ได้มีการบันทึกวีดีโอโดยใช้เป็นกล้องคาดศีรษะเพื่อบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ให้เราได้ลุ้นระทึกไปกับการไต่เชือกของเขาในครั้งนี้ หากใครต้องการที่จะรับชมคลิปวิดีโอดังกล่าวสามารถเข้าไปดูใน YouTube ได้โดยมีชื่อคลิปว่า Slacklining Over Alligator Pool ที่จะทำให้เราได้เห็นว่าในบึงนั้นเต็มไปด้วยจระเข้ของจริงที่กำลังหิวโหยอยู่จริงๆ ความยาวของคลิปกินเวลาไปแค่ 1.23 นาทีเท่านั้น และเรายังเห็นหมีว่าเขานั้นไม่ได้เพียงแค่เดินข้ามบ่อจระเข้ไปเฉยๆ แต่ยังมีการโชว์ทักษะความสามารถในการทรงตัวอีกด้วย ทำให้คลิปนี้มียอดวิวสูงถึง 5.8 แสนครั้งเลยทีเดียว

#จอร์จ โบดอน

ประเภทของเรือแคนู คายัคยอดนิยมของเมืองไทย

ประเภทของเรือแคนู คายัคยอดนิยมของเมืองไทย

ประเภทของเรือแคนู คายัคยอดนิยมของเมืองไทย

เชื่อว่าเหล่าบรรดานักท่องเที่ยวทุกๆคนต้องชอบทำกิจกรรมที่มาพร้อมกับสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งแต่ละคนก็มีความชอบแตกต่างกันออกไป และมีหลายคนที่ต้องรู้จักกับการพายเรือแคนู-คายัคอย่างแน่นอน เพราะนับว่าเป็นกิจกรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจ เป็นการเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆให้กับชีวิตตัวเอง ซึ่งการพายเรือแคนู-คายัคนอกจากเป็นกีฬาที่มีความท้าทายสูงแล้วยังเป็นกิจกรรมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งกิจกรรมการพายเรือนี้มีอยู่ตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆทั้งเมืองไทยและต่างประเทศ คนไทยโดยเฉพาะสายท่องเที่ยวให้ความนิยมกับการพายเรือคายัคอย่างแพร่หลาย เพราะด้วยความโดดเด่นหลายๆประการของมัน เรือแคนู-คายัคนั้นถูกสร้างขึ้นมาหลายประเภทหลายลักษณะที่แตกต่างกันออกไปตามวัตถุประสงค์ในการใช้งาน แต่ในวันนี้เราจะมานำเสนอประเภทของเรือแคนู-คายัค ที่เป็นยอดนิยมของเมืองไทย ซึ่งมี2ลักษณะด้วยกัน ดังต่อไปนี้

ประเภทของเรือแคนู คายัคยอดนิยมของเมืองไทย

1 ลักษณะเรือแคนู คายัคแบบ sit inside

เป็นเรือคายัคที่มีมาเนิ่นนานตั้งแต่ครั้งสมัยก่อนที่เพิ่งเริ่มประดิษฐ์คิดค้นเรือแคนู-คายัคเป็นครั้งแรก ซึ่งมีความโดดเด่นคือมีน้ำหนักของตัวเรือที่เบา จึงทำให้ลอยน้ำได้ง่านและไม่คว่ำ และวิธีการใช้งานนั้นก็ไม่ยากเลย เพียงเริ่มจากให้ตัวของผู้พายนั้นสอดลำตัวของตนเองเข้าไปในตัวเรือ นอกจากนี้ในตัวเรือยังมีผ้าไว้สำหรับคลุมไม่ให้น้ำเข้าออกในเรือได้ ทำให้เรือไม่จมน้ำ เรือชนิดนี้เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพายเรือท่องเที่ยวไปในระยะทางที่ไกล ชมบรรยากาศโดยรอบ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบการผจญภัย อยากท้าทายตัวเอง นอกจากนี้ยังเหมาะกับการล่องแก่ง แล้วแต่ความต้องการของนักท่องเที่ยวเลย

ประเภทของเรือแคนู คายัคยอดนิยมของเมืองไทย

2 ลักษณะเรือแคนู-คายัคแบบ sit on top

มีลักษณะที่โดนเด่นไม่แพ้กับลักษณะแรกเลย อีกทั้งยังเป็นเรือที่เพิ่งสร้างมาใหม่โดยพัฒนาแนวความคิดมาจากแคนูคายัคในรูปแบบเดิม แคนูคายัคลักษณะนี้เหมาะกับคนที่ไม่มีประสบการณ์ทางด้านการพายเรือ หรือผู้ที่ลองพายเรือแคนนูคายัคเป็นครั้งแรกนั่นเอง ในส่วนของวิธีการใช้งานนั้นก็ไม่ยากเช่นเดียวกัน  โดยให้ผู้พายพายอยู่ด้านบนบนของตัวเรือ นอกจากนี้เรือลักษณะนี้ยังถูกสร้างขึ้นมีให้มีรูระบายน้ำเข้าออกและมีที่เก็บสิ่งของสัมภาระ  อีกทั้งยังมีพื้นที่ในการนั่งตั้งแต่1คนจนถึง3คน จึงเหมาะแก่การพายแบบสบายๆชิลล์กับคนรักไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน หรือแฟน นับว่าเป็นการสร้างสีสันและความสุขในการเที่ยวในทริปนี้มากยิ่งขึ้น เรือแคนู-คายัคลักษณะนี้เหมาะกับการพายเรือเล่นในระยะใกล้ๆไม่ไกลมากนัก ตามทะเลที่คลื่นไม่รุนแรง หรือจะเป็นคลองบึง ตามความชอบของนักท่องเที่ยวแต่ละคน และลักษณะเด่นของเรือชนิดนี้คือไม่จมน้ำอย่างแน่นอนเพราะถูกปกปิดจนทั่วลำเรือ น้ำจึงไม่สามารถเข้าไปในตัวเรือได้ และความพิเศษทั้งหมดนีนับเป็นความพิเศษที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ต้องอยากลองพายดูสักครั้งอย่างแน่นอน

ประเภทของเรือแคนู คายัคยอดนิยมของเมืองไทย

และทั้งหมดนี้ก็เป็นประเภทของเรือแคนนู-คายัคยอดนิยมของเมืองไทย ที่มีความโดดเด่นในหลายๆด้านสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวในประเทศไทยทั้งคนไทยและชาวต่างชาติให้ได้ลองพายสักครั้งในชีวิต นอกจากนี้ การพายเรือจะต้องมีความระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะหากเราประมาทก็จะเกิดอันตรายที่ร้ายแรงได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นเราจึงจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญอย่างเคร่งครัด ใส่เสื้อชูชีพทุกครั้งที่จะต้องลงไปทำกิจกรรมในน้ำ และแต่งกายให้เหมาะสมกับการออกไปพายเรือ หากเที่ยวแบบระมัดระวังก็จะมีความสุขความเพลิดเพลินกับการเที่ยวเป็นอย่างมาก ที่สำคัญต้องอย่าพลาดโอกาสในการลองพายเรือแคนู-คายัคสักครั้งในชีวิต

#เรือแคนู-คายัค

ปีนหน้าผาจำลองเริ่มต้นจากตรงไหนดี

ปีนหน้าผาจำลองเริ่มต้นจากตรงไหนดี

สำหรับใครที่กำลังสนใจอยากจะลองมาเปิดประสบการณ์ใหม่ด้วยการมาลองปีนหน้าผาจำลอง แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหนดี เพราะว่ายังไม่เคยลองมาก่อน วันนี้เราก็มีไกด์เล็กๆมาบอกคุณว่าในการปีนเขาครั้งแรกของคุณควรที่จะต้องทำอย่างไรกันบ้างนะคะ

 

ใส่เสื้อผ้าที่เหมาะแก่การปีนหน้าผา

สิ่งแรกที่คุณจะต้องเตรียมมาจากบ้านเลยนั่นก็คือการเลือกเสื้อผ้าที่กระชับแนบลำตัว ไม่ลุ่มล่าม สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวกสบาย เพื่อให้คุณสามารถปีนป่าย ออกท่าทางได้คล่องแคล่วมากยิ่งขึ้น ซึ่งเราแนะนำเป็นกางเกงขาสั้น(มีซับในสำหรับคุณผู้หญิง) กางเกงโยคะ เสื้อยืดออกกำลังกาย หรือจะใส่เป็นสปอร์ตบาร์ก็ได้เช่นกัน

ปีนหน้าผาจำลองเริ่มต้นจากตรงไหนดี

เรียนรู้การใช้อุปกรณ์

สำหรับใครที่มาปีนหน้าผาจำลองในครั้งแรกคุณสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้เลยว่านี่คือครั้งแรกของคุณ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะแนะนำอุปกรณ์ต่างๆให้คุณรวมทั้งวิธีการใช้งาน ซึ่งหลักๆก็จะมี climbing shoes และ harness ซึ่งนี่คือ 2 สิ่งหลักๆที่คุณใช้ในการปีนหน้าผาจำลอง และรวมถึงวิธีการผูกเงื่อนของเชือกให้แน่นหนาและปลอดภัยด้วยเช่นเดียวกัน นี่ถือว่าสำคัญมากๆ เพราะหมายถึงความปลอดภัยของคุณเองด้วยเช่นกัน

 

สอนวิธีการปีน

สำหรับการการปีนในครั้งแรกนั้นเราแนะนำให้คุณปีนแบบ Top Rope เพราะว่าการปีนแบบนี้จะเป็นการปีนที่มีหลายระดับให้คุณได้เลือก โดยที่คุณสามารถเริ่มปีนจากระดับพื้นฐานที่ง่ายที่สุดก่อนได้ โดยการปีน คือการที่คุณจะต้องจับ Holds สีเดียวกันไปจนถึงจุดสูงสุด และใช้มือทั้ง 2 ข้างของคุณจับ Holds ตัวสุดท้ายนั้นให้ได้นับว่าเป็นการจบการปีนโดยสมบูรณ์แบบ

ปีนหน้าผาจำลองเริ่มต้นจากตรงไหนดี

การโรยตัวลงมา

พอปีนจบแล้วก็เป็นการโรยตัวลงมา โดยใช้มือของคุณจับเชือกที่ติดกับ Harness ของคุณเอาไว้ และใช้ขาคอยยัน Wall ลงมาที่ละสเต็ปเพื่อไม่ให้ตัวของคุณกระแทกกับ Wall นั่นเองล่ะค่ะ ซึ่งหากใครที่เพิ่งมาปีนครั้งแรกอาจจะหวาดเสียวหน่อย แต่ถ้าคุณเชื่อมั่นในระบบความปลอดภัยของอุปกรณ์ที่ใช้ก็สบายหายห่วงได้เลยค่ะ

 

เรียนรู้การ Belay

นอกจากการเรียนรู้การเป็น Clamber แล้วคุณก็จะต้องเรียนรู้การเป็น Belayer ด้วยเช่นเดียวกันนะคะ และถ้ายิ่งใครที่เดินทางไปปีนหน้าผาจำลองเป็นคู่ล่ะก็ยิ่งดีใหญ่เพราะว่าจะได้ผลัดกันปีน ผลัดกัน Belay ได้ Belay คือผู้ที่อยู่ด้านล่าง คอยปล่อยเชือก และคอยคานน้ำหนักของผู้ปีนเพื่อไม่ให้ตกลงมา รวมถึงเป็นผู้ที่คอยบังคับเชือกขณะที่ผู้ปีนกำลังโรยตัวลงมาด้วย การ Belay นั้นคุณต้องห้ามประมาทอย่างเด็ดขาด ต้องรอบครอบทุกขั้นตอน ทั้งการผูกเงื่อน การดึงเชือก การปล่อยเชือก ตำแหน่งมือ และการรู้จักลิมิตน้ำหนักของตัวคุณเองว่าคุณสามารถคานน้ำหนักของคนปีนได้หรือไม่

#ปีนหน้าผาจำลองเริ่มต้นจากตรงไหนดี

เส้นทางท้าความตาย Yak Attack

เส้นทางท้าความตาย Yak Attack

สำหรับมนุษย์นั้น อะไรที่ยิ่งยากก็เหมือนยิ่งท้าทาย อะไรที่ดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้ก็ยิ่งอยากเอาชนะ และยิ่งในวงการกีฬาที่มีเนื้อหาสำคัญคือการเอาชนะด้วยแล้ว ก็ยิ่งมีการพยายามทำลายสถิติของคู่แข่งกันอยู่ตลอดเวลา แต่สำหรับการแข่งขันจักรยานในรายการ Yak Attack นั้นแค่เข้าเส้นชัยโดยที่ไม่บาดเจ็บหรือเสียชีวิตก็นับว่าชนะแล้วเพราะว่ากันว่าเป็นเส้นทางที่ท้าความตายเป็นอย่างมากก็จริงอยู่ว่าถึงแม้ในการแข่งขันรายการนี้จะยังไม่มีนักปั่นคนใดเสียชีวิตแต่ดูเส้นทางแล้วก็มีโอกาศสูงในอนาคตที่จะเกิดขึ้น

เส้นทางท้าความตาย Yak Attack

การแข่งขันจักรยานรายการ Yak Attack นั้นมีระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 400 กิโลเมตร ต้องปั่นข้ามเทือกเขาหิมาลัย ที่มีความสูงถึง 12,000 เมตร ส่วนจุดสูงที่สุดของนักปั่นที่ไปถึงนั้นอยู่ที่ 5,000 จากระดับน้ำทะเล แถมยังมีอากาศที่หนาวเหน็บเย็นยะเยือกที่มีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 15-30 องศาเซลเซียส แต่ก็มีความปลอดภัยในระดับหนึ่งเพราะมีทีมกู้ภัยคอยบินสำรวจด้วยเฮลิคอปเตอร์ตลอดการแข่งขัน

เนลคอตแทมนักปั่นจักรยานเสือภูเขาชาวอังกฤษที่เคยลงแข่งในรายการนี้มาแล้วและสามารถเข้าเส้นชัยมาแล้วหลายครั้งได้เล่าถึงการแข่งขันจักรยานรายการนี้ว่าร่างกายของนักปั่นนั้นจะต้องพร้อมที่สุดเพราะจะต้องเจอทุกสภาพอากาศที่แสนจะทรมานไม่ว่าจะเป็นอากาศที่หนาวสุดขั้วอากาศร้อนสุดขีด  และสภาพเส้นทางที่แสนจะโหดไม่ว่าจะเป็นการไต่ความสูงขึ้นเขาต้องเจอกับฝุ่นกินหินดินทรายบ่อโคลนแม่น้ำที่ขวางกันธารน้ำแข็งรวมไปถึงสัตว์ป่าหลายอย่างเช่นวัว

ความโหดต่างๆจึงทำให้การแข่งขันรายการนี้จึงถูกยกให้เป็นสนามเสือภูเขาที่ยากที่สุดในโลกเพราะไม่ได้วัดแค่ความแข็งแรงของร่างกายเท่านั้นยังเป็นการพิสูจน์หัวจิตหัวใจไหวพริบประสบการณ์ของนักปั่นมืออาชีพที่ร่วมทำการแข่งขันที่ต้องใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อเอาตัวรอดจากเทือกเขาหิมาลัยให้ได้นั่นเอง

นักปั่นเสื้อภูเขาที่ร่วมการแข่งขัน Yak Attack จะได้รับบททดสอบอันหนักหน่วง จะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เหมือนรายการอื่น เพราะที่นั่นจะเป็นพื้นที่ทุรกันดารห่างไกลความเจริญ มีเพียงอาหารที่เพียงพอสำหรับร่างกายในแต่ละมื้อและสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานเท่านั้น ส่วนที่เหลือนั้นก็จะมีเพียงเส้นทางที่แสนโหดแต่ท้าทาย จักรยานของนักปั่น ความอ่อนล้าที่เกาะกินทุกส่วนของร่างกายที่ค่อย ๆเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆในทุกวัน อาการป่วย และออกซิเจนที่เบาบางลงเมื่อปั่นไปยังที่สูงขึ้น ซึ่งหากใครผ่านการแข่งขันนี้ไปได้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากแล้ว

 

# นักปั่นชาวดัตช์ โดนแบน 9 เดือน หลังเจตนาเบียดคู่แข่งล้ม

เทคนิคการปีนหน้าผาโดยไม่ต้องใช้พลังงานมากมาย

เทคนิคการปีนหน้าผาโดยไม่ต้องใช้พลังงานมากมาย

เชื่อว่าหลายๆคนที่มาปีนเขาอาจจะรู้สึกว่าทำไมการปีนเขานี่มันใช้พลังงานเยอะจังเลย ปีนได้ไม่กี่รอบก็เรื่อยรู้สึกเหนื่อยล้า จนปีนต่อไม่ไหวแล้ว เพราะใช้ทั้งพลังแขน ขา เอวอย่างเต็มที่ วันนี้เราเลยจะมาแนะนำเทคนิคดีๆให้คุณทราบเกี่ยวกับวิธีการปีนหน้าผาจำลองมาฝากกันนะคะว่าปีนยังไงให้ไม่เหนื่อยไม่เมื่อยง่าย เพื่อที่คุณจะได้สามารถเก็บแรงเอาไว้ปีนกันได้ทั้งวันเลยทีเดียว

เทคนิคการปีนหน้าผาโดยไม่ต้องใช้พลังงานมากมาย

การยืดแขนให้ตึง

สำหรับเทคนิคการยึดแขนให้ตึงนั้นจะเป็นการผ่อนแรงการใช้กล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดี เพราะหากคุณยืดแขนจนตึงสุดนั่นหมายว่าส่วนที่รับน้ำหนักของร่างกายคุณจะกลายเป็นกระดูกของคุณไม่ใช่กล้ามเนื้อ เพราะคุณทราบไหมว่าการงอแขนแค่เพียงเล็กน้อยนั้นก็หมายความว่าคุณใช้การเกร็งกล้ามเนื้อและออกแรงกล้ามเนื้อเพื่อที่จะรับน้ำหนักทั้งร่างกายของคุณแล้ว เพราะฉะนั้นจังหวะไหนที่สามารถยืดแขนให้ตรงจนสุดได้ก็ทำเช่นนั้นจะดีกว่านะคะ

เทคนิคการปีนหน้าผาโดยไม่ต้องใช้พลังงานมากมาย

ตำแหน่งของสะโพก

อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้คุณรู้สึกได้ถึงความเหนื่อยเมื่อยล้าเลยก็คือการวางตำแหน่งสะโพกที่ไม่ถูกตรง หากใครที่เพิ่งเริ่มต้นปีนหน้าผาจะสามารถเห็นได้ชัดเลยว่าจะงอลำตัว และให้สะโพกตั้งฉากกับกำแพง นั่นเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องนะคะเพราะกลายที่คุณงอตัวให้สะโพกตั้งฉากกับกำแพงจะทำให้เป็นการเพิ่มน้ำหนักที่มากขึ้นด้วย เป็นผลพวงให้คุณจะต้องใช้กำลังแขน ขา มากขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว เราแนะนำให้คูรวางตำแหน่งสะโพกให้ขนานกับกำแพงไว้จะดีกว่านะคะ

วางสะโพกให้ชิดกำแพง

การที่คุณวางสะโพกของคุณฬห้ชิดกำแพงนั้นนอกจากจะทำให้ไหล่และทั้งตัวของคุณชิดกำแพงได้มากขึ้นแล้วก็ส่งผลให้จังหวะการเอื้อม Holds ข้างบนก็เป็นไปได้ง่ายมากขึ้นด้วยเช่นกัน ทำให้คุณไม่ต้องออกแรงเหวี่ยงตัวเหวี่ยงแข่งขึ้นไป แม้กระทั่งการวางสะโพกชิดกำแพงเอนลำตัวส่วนบนออกมานอกกำแพง เพื่อให้มือที่จับ Hold ได้ยืดจนสุดเพื่อจะพักกล้ามเนื้อแขนก็สามารถทำได้ง่ายขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน

พยายามใช้สายตาตลอดเวลา

การวางแผนการปีนไว้ล่วงหน้านั้นนับได้ว่าเป็นวิธีการที่ชาญฉลาด จงอย่าหยุดใช้สายตา ให้คุณมองขึ้นไปข้างบนตลอดเวลาเพื่อหา Hold ที่จะจับต่อไป เพื่อที่คุณจะได้ทราบตำแหน่งมือและเท้าโดยที่ไม่ต้องมองทีละ Step ซึ่งวิธีนี้จะทำให้คุณสามารถปีนขึ้นไปได้อย่างว่องไวมากยิ่งขึ้น จะได้ลงมาพักได้ไวๆ และไม่ต้องคอยลองผิดลองถูกกับ Holds อื่นๆอีกด้วย

ถ้าอยู่ในตำแหน่งที่สามารถพักได้จงพัก

หากคุณอยู่ใน Position ที่สามารถพักแขน พักขาของคุณได้ก็อย่ารอช้า จงคว้าโอกาสนั้นเอาไว้สะ เพราะว่าการที่เอาแต่ปีนๆอย่างเดียวโดยไม่พักอาจจะทำให้หมดแรงระหว่างทางโดยไม่รู้ตัว ซึ่งการพักนั้นนอกจากคุณจะได้ฟื้นฟูกล้ามเนื้อแล้ว ก็ยังสามารถมองขึ้นไปข้างบนเพื่อวางแผนการปีนระหว่างที่พักได้อีกด้วย

 

# ชายชาวจีนทำลายสถิติข้ามหุบเขาที่มีแม่น้ำที่ลึกที่สุดในโลก

Jet Ski World Cup and Jet Ski World Series ปล่อยประเภทการแข่งขันแล้ว

Jet Ski World Cup and Jet Ski World Series ปล่อยประเภทการแข่งขันแล้ว

หลังจากมีการปล่อยโปสเตอร์การแข่งขันออกมาอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับการแข่งขันเจ็ตสกีรายการระดับโลกอย่าง Jet Ski World Cup and Jet Ski World Series 2020-2021 ซึ่งเป็น 2 in 1 Super tournaments ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 3-7 มีนาคม 2021 นี้ ล่าสุด เพิ่งมีการประกาศประเภทรายการแข่งขันออกมาอย่างเป็นทางการ โดยเปิดการแข่งขันสำหรับนักเจ็ตสกีทั่วโลกใน 5 ประเภทการแข่งขันที่ไม่จำเป็นต้องต้องได้รับการรับรองจาก National Affiliated Organization ในแต่ละประเทศสามารถส่งตัวแทนเข้ามาได้ไม่เกิน 4 คน แต่หากในกรณีที่จำนวนของผู้เข้าร่วมการแข่งขันมากกว่าที่กำหนดทางผู้จัดงานจะทำการคัดเลือกอีกครั้ง อย่างไรก็ตามสำหรับแชมป์จากรายการการแข่งขัน Jet Ski World Cup Series 2019 และ  Jet Ski World Cup 2019 ในแต่ละประเภทการแข่งขัน จะได้รับสิทธิพิเศษให้สามารถเข้าร่วมการแข่งขันรอบ “moto round” โดยอัตโนมัตินั่นเอง ยกเว้นการแข่งขันรายการ Pro Freestyle และ Pro-Am Endurance

Jet Ski World Cup and Jet Ski World Series ปล่อยประเภทการแข่งขันแล้ว

สำหรับประเภทการแข่งขันทั้งหมดนั้นแบ่งเป็น 21 ประเภทการแข่งขัน ที่เพิ่งจะประกาศออกมาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมานี่เองประกอบด้วย

– Pro Ski Grand Prix – Pro Sport GP

– Pro R/A 1100 Open- Pro R/A GP

– Pro Freestyle- Pro-Am Endurance Open

– Pro-Am Ski Stock – Pro-Am Ski Lites

– Pro-Am Women Ski- Pro-Am Sport GT 1R GP

– Pro-Am Runabout Limited- Pro-Am R/A Superstock

– Expert Veterans R/A Limited- Expert Ski Grand Prix

– Amateur R/A 1100 Stock- Novice Ski Stock

– Novice Runabout Stock- Novice R/A 1100 Stock

– Junior 13-15 Ski Stock

เรียกว่ายิ่งใหญ่สมฐานะสนามการแข่งขันระดับโลกจริง ๆ รับรองว่าสนุกและเต็มอิ่มจริง ๆ เลย สำหรับการแข่งขันในสนามนี้ โดยในรายการแข่ง Pro Ski Grand Prix , Pro Sport GP, Pro R/A 1100 Open, Pro R/A GP และ Pro Freestyle นี้เอง เป็น 5 รายการแข่งขันที่ทางผู้จัดงานเปิดโอกาสให้แต่ละประเทศสามารถส่งตัวแทนได้สูงสุดถึง 4 คนต่อหนึ่งประเภทรายการแข่งขัน และจะใช้ระบบของ “World Cup” ในการตัดสินการแข่งขันแต่อย่างไรก็ตามนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันจำเป็นต้องมีใบอนุญาตการขับขี่เจ็ตสกีอย่างเป็นทางการในแต่ละประเภทการขับขี่นั้นๆทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมการแข่งขันนั่นเอง

ในส่วนของเงินรางวัลนั้นก็ล่อตาล่อใจนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันมากเลยทีเดียวโดยแต่ละประเภทการแข่งขันนั้นก็จะให้เงินรางวัลที่แตกต่างกันออกไปในส่วนของ Jet Ski World Series มีทั้งหมด 6 รายการแข่งขัน เงินรางวัลสูงสุดที่ 30,000 USD หรือประมาณ 900,000 บาท ส่วน Jet Ski world Cup นั้น เงินรางวัลสูงสุกที่ 50,000 USD หรือประมาณ 1,500,000 บาท ซึ่งจะตกเป็นของแชมป์จากรายการการแข่งขันประเภท Pro Ski Grand Prix และ Pro R/A GP นั่นเอง และค่าสมัครเข้าร่วมการแข่งขันก็แตกต่างออกไปตามประเภทการแข่งขันเช่นเดียวกัน โดยราคาที่ถูกที่สุดอยู่ที่ 195 USD คิดเป็นเงินไทยประมาณเกือบ ๆ 600 บาท และแพงที่สุดที่ 525 USD หรือประมาณ 16,000 บาทนั่นเอง และแชมป์ในทุกรายการการแข่งขันนั้นมีถ้วยรางวัลให้ด้วย และสำหรับรายการแข่งขันของ Jet Ski world Cup มีเหรียญรางวัลให้อีกด้วยซึ่งแน่นอนว่าเป็นที่หมายปองของนักกีฬาเจ็ตสกีจากทั่วทุกมุมโลกเป็นอย่างมาก

สำหรับประเทศไทยเองก็ได้มีการคัดเลือกนักกีฬาและเตรียมพร้อมเป็นอย่างมากเพื่อจะส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้โดยได้แชมป์จากทุกประเภทรายการการแข่งขันแล้วเรียบร้อยพร้อมที่จะโชว์ฝีมือการขับเจ็ตสกีแสดงความสามารถของนักกีฬาไทยเจ็ตสกีไทยให้โลกได้เห็นแล้วซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งกีฬาที่น่าสนใจไม่น้อยและนักกีฬาไทยก็เคยคว้าแชมป์ในรายการแข่งขันสนามนี้มาแล้วในปีนี้แฟนๆเจ็ตสกีก็คงต้องร่วมลุ้นและร่วมเป็นกำลังใจให้นักเจ็ตสกีไทยอีกครั้ง

 

# ปิดการแข่งขันลงไปอย่างสวยงามกับ Thailand Powerboat Princess’s Cup 2020

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับการดำน้ำประเภทต่างๆ

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับการดำน้ำประเภทต่างๆ

เชื่อว่าหลายต่อหลายคนที่เที่ยวบนบกจนเห็นกันแบบทะลุปรุโปร่งแล้วก็อยากจะที่ลองลงไปชื่นชมความสวยงามของโลกใต้น้ำกันดูบ้างใช่ไหมละคะ และแน่นอนว่าโลกใต้น้ำนั้นสวยงามและน่าอัศจรรย์ไม่แพ้กับบนบกเลยทีเดียว ซึ่งวันนี้ถ้าใครที่อยากจะเปิดประสบการณ์การดำน้ำเราก็มีเกร็ดความรู้ดีๆเกี่ยวกับการดำน้ำมาฝากกันนะคะ ซึ่งบอกได้เลยว่าหากคุณได้ลองดำน้ำแล้วจะต้องตกหลุมรักโลกใต้น้ำอย่างแน่นอนเลยทีเดียว

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับการดำน้ำประเภทต่างๆ

การดำน้ำ คือ การที่เราดำตัวลอยไปใต้ผิวน้ำเพื่อสำรวจโลกใต้น้ำนั่นเอง ซึ่งการดำน้ำก็ใช้ในหลากหลายช่องทาง เช่นเพื่อการสำรวจทางวิทยาศาสตร์ ทางการทหาร การประมง และปัจจุบันกิจกรรมการดำน้ำก็เป็นกิจกรรมยอดฮิตที่ใช้ในการท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ เพราะด้วยความสวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจในแบบที่เราไม่สามารถหาประสบการณ์ที่แสนวิเศษแบบนี้ได้อย่างบนบก จริงทำให้มีกลุ่นคนจำนวนมากที่หลงไหลในการน้ำดำ ซึ่งการดำน้ำเพื่อการชมความสวยงามของโลกใต้ทะเลนั้นก็มีอยู่ 3 ประเภทด้วยกัน

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับการดำน้ำประเภทต่างๆ

ประเภทของการดำน้ำ

สำหรับการดำน้ำเราจะมีการแบ่งแยกประเภทตามอุปกรณ์ที่ใช้ และเทคนิคในการดำน้ำ ซึ่งทั้ง 3 ประเภทที่เราจะมากล่าวถึงกันในวันนี้ก็มีทั้งความแตกต่างและความคล้ายคลึงกันด้วย ส่วนจะมีแบบไหนบ้างนั้นเรามาดูกันเลยค่ะ

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับการดำน้ำประเภทต่างๆ

1. Snorkeling

การดำน้ำแบบ Snorkeling นี้จะเป็นการดำน้ำที่คุณจะลอยตัวอยู่บนผิวน้ำในลักษณะที่คว่ำน้ำลงในน้ำ ซึ่งก็จะมีอุปกรณ์ที่ช่วยให้คุณสามารถหายใจได้ขณะที่คุณลอยตัวอยู่นั่นก็คือ Mask(หน้ากาก) Snorkel(ท่อหายใจ) ซึ่งคุณสามารถทำการหายใจทางปากผ่านท่อหายใจที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำได้เลย ซึ่งการดำน้ำประเภทนี้จะเหมาะกับการดำน้ำตื้นไม่เกิน 3 เมตร เพราะคุณสามารถมองเห็นพื้นเบื้องล่างมหาสมุทรได้อย่างชัดเจนจากผิวน้ำโดยที่ไม่ต้องดำลงไปด้านล่าง ซึ่งการดำน้ำแบบ Snorkeling นี้ถือว่าสามารถทำได้ง่ายมากๆ เรียกได้ว่าคุณไม่ต้องมีประสบการณ์การดำน้ำมาก่อนก็สามารถทำได้ หรือแม้กระทั่งคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นก็สามารถดำแบบ Snorkeling ได้เช่นเดียวกัน แต่แนะนำว่าให้คุณสวมเสื้อชูชีพด้วยนะคะเพื่อความปลอดภัย

2. Freediving

การดำน้ำแบบ Freediving จะเป็นการดำน้ำที่ใช้อุปกรณ์คล้ายกับการดำแบบ Snorkeling เลย แต่ว่าจะไม่ได้ดำเฉพาะบนผิวน้ำเท่านั้น จะต้องดำลงไปใต้ผิวน้ำด้วย โดยการกลั้นหายใจแล้วมุดตัวลงไปใต้ซึ่งจะใช้เทคนิคที่มากกว่าการดำน้ำแบบ Snorkeling โดยการดำน้ำประเภทนี้คุณจะต้องผ่านการเรียนและการฝึกฝนจนชำนาญเสียก่อน เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายได้ โดยการดำน้ำแบบ Freediving นี้คุณสามารถดำลงไปดูโลกได้น้ำได้ลึกถึง 30 เมตรเลยนะคะ หรือบางคนที่สามารถทำสถิติโลกได้ก็จะอยู่ที่ประมาณ 72 เมตรหรือเกือบ 100 เมตรเลยทีเดียว แต่การที่คุณจะดำได้แบบนี้นั้นจะต้องมีการเรียนรู้และผ่านการฝึกอบรมด้วยนะคะ และบอกเลยว่าถ้าหากคุณสามารถ Freedive ได้ล่ะก็คุณจะว่ายน้ำได้อย่างปลาเลยทีเดียว

3. Scuba

สำหรับรูปแบบการดำน้ำแบบนี้จะเป็นการดำน้ำที่คุณสามารถดำลงไปใต้ผิวน้ำและสามารถหายใจผ่านท่อออกซิเจนได้เลย โดยที่ไม่ต้องคอยขึ้นมาหายใจด้านบนแบบการ Freediving โดยการดำน้ำแบบ Scuba นี้จะทำให้คุณสามารถเห็นโลกใต้ทะเลได้ลึกขึ้น ละเอียดขึ้น และสามารถอยู่ได้นานขึ้น โดยการดำน้ำ 1 Dive นั้นคุณจะสามารถอยู่ใต้น้ำได้นานประมาณ 45-110 นาที เลยทีเดียว ซึ่งก็อยู่ที่ปริมาณออกซิเจนที่คงเหลือของคุณด้วย ส่วนความลึกที่คุณสามารถดำได้นั้นก็จะมีตั้งแต่ระดับ 20 เมตร 30 เมตร 40 เมตร หรืออาจจะลึกมากไปกว่านั้น และแน่นอนว่าการที่คุณจะดำน้ำแบบ Scuba  ได้คุณจะต้องมีการเรียนและฝึกอบรมหลักสูตรด้วยเช่นเดียวกันเพื่อความปลอดภัยนะคะ

 

# 10 ข้อเท็จจริงที่น่าทึ่งเกี่ยวกับ Freediving

รีวิวสเก็ตบอร์ดรุ่น Pro HONGY 005

รีวิวสเก็ตบอร์ดรุ่น Pro HONGY 005

รีวิวสเก็ตบอร์ดรุ่น Pro HONGY 005

สเก็ตบอร์ดนั้นเป็นกิจกรรมกลางแจ้งที่ได้รับความนิยมโดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นแต่ด้วยความที่สเก็ตบอร์ดนั้นมีขนาดเล็กและดูแล้วค่อนข้างบอบบางทำให้คนที่มีรูปร่างใหญ่หรือมีน้ำหนักค่อนข้างเยอะไม่ค่อยกล้าที่จะเล่นเท่าไหร่นักเนื่องจากเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยและความแข็งแรงของสเก็ตบอร์ดว่าจะสามารถรองรับน้ำหนักได้หรือไม่แต่ความจริงแล้วในปัจจุบันนี้สเก็ตบอร์ดส่วนใหญ่มีความแข็งแรงทนทานสูงและสามารถรับน้ำหนักได้เป็นจำนวนมากดังนั้นหากคุณเป็นคนที่มีรูปร่างค่อนข้างใหญ่หรือมีน้ำหนักเยอะแล้วอยากจะลองเล่นสเก็ตบอร์ดดูเราขอแนะนำสเก็ตบอร์ดรุ่น Pro HONGY 005

รีวิวสเก็ตบอร์ดรุ่น Pro HONGY 005

เนื่องจากรุ่นนี้มีความแข็งแรงทนทานสูงและสามารถรองรับน้ำหนักผู้ใช้งานได้สูงสุดที่ 150 กิโลกรัม มาในราคา 2,290 บาท พร้อมของแถมอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสติ๊กเกอร์ อะไหล่ล้อ เครื่องมือปรับล้อ และสีสำหรับตกแต่งเพิ่มเติม มีขนาดความยาวอยู่ที่ 79 เซ็นติเมตร ความกว้าง 20 เซ็นติเมตร และความสูง 10 เซ็นติเมตร ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานที่กำลังพอดีสามารถเล่นถ้าได้มากมายไม่ว่าจะเป็นท่า Heelflip, Kickflip, Pop Shove และอื่นๆ อีกมากมาย ตัวแผ่นกระดานนั้นทำมาจากไม้แอปเปิ้ลที่คัดสรรคุณภาพมาเป็นอย่างดีอัดกันถึง 7 ชั้น ดังนั้นมันจึงแข็งแรงทนทานและสามารถรองรับน้ำหนักได้สูง ไม่แตกหักง่ายอย่างแน่นอน

 สเก็ตบอร์ดรุ่น Pro HONGY 005 มาพร้อมกับลวดลายกราฟฟิกที่มีความเป็นสตรีทและเรียบง่าย โดยด้านบนนั้นจะใช้พื้นสีดำและแต่งด้วยตัวอักษรกราฟิกสีขาว ส่วนด้านล่างนั้นจะมีพื้นหลังเป็นสีส้มตกแต่งลวดลายกราฟฟิกการ์ตูนและตัวอักษร ที่สำคัญคือลวดลายเหล่านี้กันน้ำ ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลในกรณีที่เราต้องเผชิญกับฝนตกหรือเล่นสเก็ตบอร์ดในที่ที่มีแอ่งน้ำ ตัวร้อนผลิตมาจากวัสดุอย่างโพลียูรีเทนซึ่งมีความสามารถในการป้องกันการขูดขีดเป็นรอยและยังสามารถช่วยให้การยึดเกาะกับพื้นดียิ่งขึ้นอีกด้วย ฐานล้อมีความแข็งแรงและสามารถรับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี น้ำหนักของตัวสเก็ตบอร์ดจะอยู่ที่ 2.2 กิโลกรัม

โดยโครงสร้างที่มีความแข็งแรงสูงและสามารถรองรับแรงกระแทกได้ดี ทำให้ถึงแม้ว่าผู้เล่นจะมีรูปร่างใหญ่หรือน้ำหนักมากก็ยังสามารถใช้งานสเก็ตบอร์ดรุ่นนี้ในการเล่นท่าต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย และที่สำคัญคือตัวกระดานก็ไม่เกิดความเสียหายอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้นยังสามารถใช้งานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ในกรณีที่ซื้อให้บุตรหลานเล่นก็สามารถเล่นสเก็ตบอร์ดรุ่นนี้ได้จนโตเป็นผู้ใหญ่ มันจึงเป็นสเก็ตบอร์ดที่คุ้มค่าเป็นอย่างมาก ใครกำลังมองหาสเก็ตบอร์ดที่มีความโดดเด่นเรื่องความแข็งแรงทนทานรุ่นนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย

 

# รีวิวสเก็ตบอร์ดรุ่น Pro Fishboard Hongy 001

6 อุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้สำหรับนักขี่สายลุยฝุ่น

6 อุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้สำหรับนักขี่สายลุยฝุ่น

สำหรับนักขี่จักรยานยนต์โมโตครอสหรือเอ็นดูโร่มือใหม่ที่กำลังเข้าวงการอาจจะยังไม่รู้ว่าการออกไปผจญภัยในป่าหรือเส้นทางกันดารว่าของที่ต้องมีหรืออุปกรณ์ที่จำเป็นนอกเหนือจากรถคู่ใจแล้วควรจะมีอะไรบ้างเพื่อเป็นการช่วยเซฟและสร้างความปลอดภัยในการออกไปลุยและบางคนก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าอุปกรณ์ต่างๆที่ควรมีนั้นมีประโยชน์ยังไงวันนี้เราจึงมาบอกเกี่ยวกับอุปกรณ์พื้นฐาน 6 อย่างที่ต้องเตรียมให้พร้อมถ้าคิดจะเป็นนักบิดสายลุย

6 อุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้สำหรับนักขี่สายลุยฝุ่น

1.หมวกกันน็อค ( Helmet)

เป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นอันดับ 2 รองมาจักรยานยนต์วิบากที่ต้องมี (ฮ่า ) ซึ่งหมวกกันน็อคสำหรับนักบิดสาย โมโตครอส หรือเอ็นดูโร่นั้นจะเรียกว่า  Off-Road or Motocross Helmet ซึ่งเป็นหมวกกันน็อคเต็มใบไม่มีซิลด์บัง โดยที่ส่วนบนของหมวกนั้นจะมีบังลมที่ยาวออกมาเพื่อบังแดด บังฝน ส่วนคางนั้นจะแหลมหนา เพื่อป้องกันคางและขากรรไกรกระแทกในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ แล้วเอาส่วนหน้าลงพื้นนั่นเอง หมวกชนิดนี้ทั้งสายลุยฝุ่น หรือสายออกทริป ก็ใช้ได้ทั้งนั้น เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันศีรษะได้เป็นอย่างดียังมีน้ำหนักที่เบาอีกด้วย

6 อุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้สำหรับนักขี่สายลุยฝุ่น

2.แว่นตา Goggles

แว่นตาที่ว่านี้ไม่ได้หมายถึงแว่นกันแดด หรือแว่นตาทั่วไปที่เอาไว้ใส่เท่ ๆ เพราะแว่นสำหรับรถโมโตครอส หรือเอ็นดูโร่นั้น ต้องสามารถมารถป้องกันฝุ่น ป้องกัน ฝน ป้องกันโคลน รวมไปถึงแมลงต่าง ๆ ได้อีกด้วย ในการเลือกแว่นนั้น ก็ควรจะเลือกแว่นที่มีคุณภาพ ของแท้ 100% เพราะไม่งั้นเวลาเจอฝนจะทำให้ขึ้นฝ้าได้เร็วมาก ต้องเสียเวลาถอดเช็ดบ่อย ๆ ก็ทำให้เซ็งได้เหมือนกัน

3.ถุงมือ Gloves

ถุงมือสำหรับนักบิดชาวโมโตครอส หรือเอ็นดูโร่นั้น มีประโยชน์อยู่หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการสร้างความกระชับ ไม่ลื่นในการจับแฮนด์รถ ยิ่งการขี่รถจักรยานยนต์วิบากด้วยแล้วการลงหลุม ลงบ่อหรือเส้นทางขรุขระก็อาจทำให้มือลื่นหลุดได้ง่าย และถุงมือยังช่วยป้องกันกิ่งไม้หรือหนามต่าง ๆ เวลาลุยป่า และเมื่อเกิดอุบัติเหตุยังช่วยเซฟมือของนักบิดได้ ส่วนการเลือกถึงมือนั้นควรจะเลือกที่กระชับพอดี ไม่หลวมหรือแน่นจนเกินไป และควรเลือกแบบที่ใส่แล้วนุ่มมือการ์ดต้องไม่แข็งมากนักเพื่อเป็นการเพิ่มความรู้สึกสบายในการขับขี่ให้มากที่สุดนั่นเอง

4.ชุดขี่ โมโตครอส Jersey /Pant

ชุดสำหรับขี่โมโตครอสนั้น ควรจะเป็นชุดที่ระบายอากาศได้ดี แห้งง่าย เพราะเราต้องขี่ลุยทั้งแดด และฝนส่วนเนื้อผ้านั้นก็ควรจะมีความยืดหยุ่นที่สูงเมื่อเราบังคับรถ ทั้งการยืนขี่ เอี้ยวตัว รวมไปถึงการเข้าโค้ง และเคลื่อนไหวในท่วงท่าต่าง ๆ จะทำให้คล่องตัว และสะดวกมากขึ้นนั่นเอง

5.สนับศอก สนับเข่า

เป็นอุปกรณ์ที่ควรจะต้องใส่ทุกครั้ง สำหรับนักบิด เอ็นดูโร่ หรือโมโตครอส ยิ่งการที่ต้องขี่เข้าป่า หรือไปในเส้นทางที่กันดารด้วยแล้ว เราไม่สามารถจะรู้ได้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นได้บ้าง โดยเฉพาะอุบัติเหตุที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ สนับศอกสนับเข่าใส่ไว้เถอะ ไม่ได้เกะกะอะไรมากมายนักหรอก

6.รองเท้าบู๊ท boots

รองเท้าสำหรับรถจักรยานยนต์วิบากนั้นจะเป็นแบบที่หุ้มไปถึงประมาณหน้าแข้ง หรือที่เรียกว่ารองเท้าบู๊ทแบบเต็มข้อ ซึ่งสามารถป้องกันได้หลายอย่าง ไม่จะเป็นการป้องกันความร้อนจากท่อรถ กิ่งไม้ หนาม แหละป้องกันเท้าท่อนล่างไปถูกกับส่วนต่าง ๆ ของรถที่ทำให้บาดเจ็บได้ ยังไม่รวมถึงการช่วยเซฟแข้งขา ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ รองเท้าบู๊ทจึงถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่นักบิดลุยฝุ่นควรต้องมี

 

อยากเริ่มขี่จักรยานยนต์วิบาก เริ่มต้นยังไงดี